Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

การออกใบลดหนี้ กรณีรับเงินล่วงหน้ามาแล้วไม่สามารถส่งสินค้าได้


เรื่อง การออกใบลดหนี้ กรณีรับเงินล่วงหน้ามาแล้วไม่สามารถส่งสินค้าได้
แหล่งที่มา Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
วันที่ วันที่ถาม 17/07/2024 - วันที่ตอบ 11/08/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย มาตรา 86/10 แหงประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (3) (จ) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 80/2542 ฯ, กฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)
ปุจฉา
บริษัทฯ ทำสัญญาขายสินค้ากับบริษัทแม่ โดยรับเงินล่วงหน้าค่าสินค้ามาจำนวน 10 ล้านบาท ต่อมาส่งสินค้าไปได้เพียง 1 ล้านบาท ที่เหลืออีกจำนวน 9 ล้านบาท ไม่สามารถส่งสินค้าได้ ทางบริษัทแม่ได้ทำหนังสือทวงถาม และทางบริษัทฯ ได้ตอบกลับหนังสือขอผ่อนผันการส่งสินค้า สุดท้ายบริษัทฯ ได้ขอทำข้อตกลงต่อท้ายสัญญาขอปลดหนี้ที่เหลือทั้งหมด ทั้งสองฝ่ายขอสละสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย (บริษัทแม่ยอมปลดหนี้ให้)
คำถามคือ 
    1. บริษัทฯ ต้องออกใบลดหนี้ตามจำนวนหนี้ที่เหลือให้บริษัทแม่ใช่หรือไม่คะ จะสามารถเข้าตามมาตรา 86/10 ข้อ 2 (3)(ซ) และ (ฌ) ได้หรือไม่คะ   
    2. กรณีบริษัท ถูกสรรพากรประเมินภาษีและมีเบี้ยปรับ+เงินเพิ่ม หมายเหตุ ทางบริษัทไม่ทราบจริง ๆ ว่าไม่สามารถออกใบลดหนี้ได้ ทางบริษัทฯ จะมีเหตุผลอะไรไปขอลดหย่อนเบี้ยปรับกับสรรพากรได้บ้างคะ
วิสัชนา
ตามข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรรพากรที่ ป. 80/2542 ฯ ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2542 กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเงื่อนไขในการออกใบลดหนี้ ดังนี้ 
    “ข้อ 2 ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่มีสิทธิออกใบลดหนี้ตามมาตรา 86/10 แห่งประมวลรัษฎากร จะต้องเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้
          (1) เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร 
          (2) มีการขายสินค้าหรือให้บริการโดยได้ออกใบกำกับภาษีซึ่งมีรายการตามมาตรา 86/4 หรือมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว 
          (3) ภายหลังได้ออกใบกำกับภาษีแล้วได้มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้นอันเป็นเหตุให้ภาษีขายที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการมีจำนวนลดลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน 
               (ก) มีการลดราคาสินค้าที่ขายเนื่องจากสินค้าผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน สินค้าชำรุดเสียหาย หรือขาดจำนวน คำนวณราคาสินค้าผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริงหรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด 
               (ข) มีการลดราคาค่าบริการเนื่องจากให้บริการผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน บริการขาดจำนวน คำนวณราคาค่าบริการผิดพลาดสูงกว่าที่เป็นจริง หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด 
               (ค) ได้รับสินค้าที่ขายกลับคืนมาเนื่องจากสินค้าชำรุดบกพร่อง ไม่ตรงตามตัวอย่าง ไม่ตรงตามคำพรรณนา หรือเนื่องจากเหตุอื่นตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด 
               (ง) ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินชดเชยหรือเงินอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามข้อผูกพันในกฎหมาย 
               (จ) ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้มีการจ่ายคืนเงินจ่ายล่วงหน้าเงินประกัน เงินมัดจำ เงินจอง หรือเงินอื่นที่เรียกเก็บในลักษณะทำนองเดียวกันให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามข้อตกลงทางการค้า 
               (ฉ) มีการคืนสินค้าหรือแลกเปลี่ยนสินค้าตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการจดทะเบียนด้วยกัน 
               (ช) มีการคืนสินค้าหรือแลกเปลี่ยนสินค้าตามข้อตกลงทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการจดทะเบียนและผู้ซื้อสินค้า ทั้งนี้ เฉพาะที่กระทำภายในเวลาอันสมควร 
               (ซ) มีการบอกเลิกสัญญาบริการเนื่องจากการให้บริการบกพร่องหรือให้บริการผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน 
               (ฌ) มีการบอกเลิกสัญญาบริการเนื่องจากไม่มีการให้บริการตามสัญญา”   

ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า 
1. กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ สามารถออกใบลดหนี้ได้ตามมาตรา 86/10 แหงประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (3) (จ) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 80/2542 ฯ ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2542 กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้มีการจ่ายคืนเงินจ่ายล่วงหน้าเงินประกัน เงินมัดจำ เงินจอง หรือเงินอื่นที่เรียกเก็บในลักษณะทำนองเดียวกันให้แก่ผู้ซื้อสินค้า หรือผู้รับบริการตามข้อตกลงทางการค้า 
    บริษัทฯ ต้องรับรู้รายได้จากการปลดหรือลดหนี้จากบริษัทแม่ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่บริษัทฯ ไม่อาจนำหนี้สูญที่ยกหนี้ให้แก่บริษัทฯ ไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ เพราะเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายหนี้สูญที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)

2. ตามข้อ 1 ข้างต้น เมื่อบริษัทฯ มีสิทธิที่จะออกใบลดหนี้ ตามมาตรา 86/10 แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากเป็นไปตามเงื่อนไขตามมาตรา 82/10 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (3) (จ) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 80/2542 ฯ ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2542 บริษัทฯ จึงไม่พึงต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับตามมาตรา 89 (6) แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ 

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ