Case study

ทำลายอาหารแช่แข็ง ต้องปฎิบัติอย่างไร


เรื่อง ทำลายอาหารแช่แข็ง ต้องปฎิบัติอย่างไร
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 25/02/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารแช่แข็งและได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าที่ขายมีทั้งสินค้าแปรรูป และ อาหารสดที่รักษาสภาพด้วยการแช่แข็ง ซึ่งมีอายุการเก็บที่สั้น ดังนั้น ทางบริษัทจึงมีของที่หมดอายุเกือบทุกวัน จึงอยากขอคำแนะนำ แนวทางการปฎิบัติเกี่ยวกับการบันทึกบัญชี และ ภาระทางภาษี

คำตอบ

คำตอบ


1. บริษัทจะต้องมีการทำลายสินค้า ตามข้อ 3 (3.1) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 เรื่อง แนวทางปฏิบัติ กรณีการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิสินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก

-  สินค้าเป็นอาหารสด และอาหารแช่แข็ง ถือเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ จึงสามารถทำลายได้เลย โดยไม่ต้องแจ้งสรรพากรล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย 

-  บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
1) ต้องมีการตรวจสอบสภาพสินค้าดังกล่าวว่า เสียหายตามเงื่อนไขที่กิจการได้กำหนดไว้หรือไม่ และต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจในการพิจารณาให้เป็นสินค้าเสียหายตามเงื่อนไข ที่กำหนด ให้พนักงานฝ่ายคลังสินค้าที่ตรวจสอบสินค้าเสียหายตรวจนับและลงลายมือชื่อกำกับไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายบัญชีทราบด้วย
2) เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายแล้ว ให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย โดยต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน หรือในทางปฏิบัติหากมีการทำลายการบ่อยและมีหลักฐานเพียงพอตามบริษัทฯ อาจใช้วิธีการแจ้ง (Inform) ให้ผู้สอบบัญชีรับทราบถึงรายการการทำลายสินค้าดังกล่าวของบริษัทฯ ภายหลังจากการทำลายก็ได้คะ

หากตามข้อเท็จจริงสินค้าแช่แข็งดังกล่าว เป็นสินค้าที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้ เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ 1 เกี่ยวกับการขออนุมัติทำลายจากผู้มีอำนาจในบริษัทฯ ให้บริษัทแจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสรรพากรพื้นที่อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี

 2. 
การบันทึกบัญชี

ลงบัญชีผลเสียหายจากการทำลายสินค้า เช่นเดียวกับรายจ่ายในการดำเนินกิจการทั่วไป โดยไม่นำไปถือเป็นต้นทุนสินค้าที่ขาย เนื่องจากบริษัทฯ ไม่ได้ขายสินค้านั้นออกไป ไม่ถือเป็นการขายสินค้า


Dr. ผลเสียหายจากการทำลายสินค้า (เป็นค่าใช้จ่ายขายและบริหาร)

Cr. สินค้าคงเหลือ / ต้นทุนขาย (บัญชีที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่นโยบายของบริษัทในการรับรู้มูลค่าสินค้าคงเหลือ)


3.  ภาระภาษี


ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในการทำลายสินค้าดังกล่าว หากบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามแนวทางการทำลายสินค้าตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.79/2541 แล้วนั้น บริษัทฯ ก็ไม่ต้องนำมูลค่าสินค้าที่ทำลายมาเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 

แต่หากบริษัทฯ ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางการทำลายสินค้าตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.79/2541 บริษัทฯ ก็มีหน้าที่ต้องนำมูลค่าสินค้าที่ทำลายมาเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 



ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ในการทำลายสินค้าดังกล่าว หากบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามแนวทางการทำลายสินค้าตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.79/2541 แล้วนั้น รายจ่ายผลเสียหายจากการทำลายสินค้า ลงเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีทำลายสินค้านั้นได้ 


หมายเหตุ ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคสการทำลายสินค้า สามารดูได้ที่ EP.4 ทำลายสินค้า (Tax Case Study)
(อธิบายเคสตัวอย่างโดย อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ค่ะ)



อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

กรณีบริษัทฯ จะทำลายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกระป๋อง เนื่องจากเป็นสินค้าหมดอายุ

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 21/07/2017 - วันที่ตอบ 07/08/2017

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541

ปุจฉา

ประเด็น สินค้าทำลายหน่อยค่ะต้องแจ้งสรรพากรหรือเปล่าคะถ้าไม่แจ้งสรรพากร แจ้งเฉพาะผู้ตรวจสอบบัญชี จะได้ใหมคะ ขอบคุณมากค่ะ

กรณีสินค้าทำลายที่เป็นของเสีย ที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ อาหาร เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อันนี้ให้เชิญผู้สอบบัญชีมาร่วมสังเกตุการณ์ ไม่ต้องแจ้งสรรพากรก็ได้
 แต่ถ้าเป็นสินค้าที่สภาพสามารถเก็บรักษาไว้ได้ ต้องแจ้งสรรพากรล่วงหน้า 30 วัน
 แล้วผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มกระป๋อง
ทำลายเนื่องจากหมดอายุ แบบนี้ อยู่ในเกณฑ์ข้อไหนคะ

วิสัชนา

กรณีบริษัทฯ ประสงค์จะทำลายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกระป๋อง เนื่องจากเป็นสินค้าหมดอายุ (Expired)
      1. หากตามข้อเท็จจริงผลิตภัณฑ์เครื่องดิ่มกระป๋องดังกล่าว เป็นสินค้าที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้ เนื่องจากกระป๋องมีอาการบวม ปริแตก และบูดเน่า ส่งกลิ่นเหม็น
          (1) กรณีสินค้าที่ได้รับคืน บริษัทจะต้องมีเอกสารหลักฐานการรับคืนสินค้า ซึ่งระบุรายละเอียดของสินค้าที่รับคืน เช่น วันเดือนปีที่รับคืน ปริมาณสินค้า ชนิดสินค้าหรือรหัสสินค้า สาเหตุที่รับคืนสินค้า เลขที่อ้างอิงของการสั่งซื้อสินค้าที่รับคืนนั้น และให้มีการลงลายมือชื่อของลูกค้าที่คืนสินค้า พนักงานที่รับคืนสินค้าด้วย เมื่อมีการนำสินค้าที่รับคืนมาเก็บไว้เพื่อรอทำลาย ให้พนักงานฝ่ายคลังสินค้าที่เก็บรักษาสินค้าเสียหายตรวจนับและลงลายมือชื่อกำกับไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายบัญชีทราบด้วย
          (2) เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายแล้ว ให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย
          (3) ให้บริษัททำลายสินค้าดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่กรมสรรพากรร่วมเป็นพยานในการทำลายก็ได้ โดยสมควรถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 

     2. หากตามข้อเท็จจริงผลิตภัณฑ์เครื่องดิ่มกระป๋องดังกล่าว เป็นสินค้าที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้ เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ 1 เกี่ยวกับการขออนุมัติทำลายจากผู้มีอำนาจในบริษัทฯ ให้บริษัทแจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสรรพากรพื้นที่อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี
      ทั้งนี้ ตามแนวทางปฏิบัติ กรณีการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิสินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก เป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

การทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 23/01/2020 - วันที่ตอบ 24/01/2020

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

ข้อ 3 (3.1) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541

ปุจฉา

ขอเรียนสอบถาม วัตถุดิบมะขามเปียก เสียสามารถทำลายได้เลยไหม ต้องขออนุมัติสรรพากรล่วงหน้า 30 วันไหมคะ

วิสัชนา

ตามข้อ 3 (3.1) ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 เรื่อง แนวทางปฏิบัติ กรณีการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิสินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก กรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
        (ก) ต้องมีการตรวจสอบสภาพสินค้าดังกล่าวว่า เสียหายตามเงื่อนไขที่แต่ละกิจการได้กำหนดไว้หรือไม่ และต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจในการพิจารณาให้เป็นสินค้าเสียหายตามเงื่อนไข ี่กำหนดดังกล่าว กรณีสินค้าที่ได้รับคืน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมีเอกสารหลักฐานการรับคืนสินค้า ซึ่งระบุรายละเอียดของสินค้าที่รับคืน เช่น วันเดือนปีที่รับคืน ปริมาณสินค้า ชนิดสินค้าหรือรหัสสินค้า สาเหตุที่รับคืนสินค้า เลขที่อ้างอิงของการสั่งซื้อสินค้าที่รับคืนนั้น และให้มีการลงลายมือชื่อของลูกค้าที่คืนสินค้า พนักงานที่รับคืนสินค้าด้วย เมื่อมีการนำสินค้าที่รับคืนมาเก็บไว้เพื่อรอทำลาย ให้พนักงานฝ่ายคลังสินค้าที่เก็บรักษาสินค้าเสียหายตรวจนับและลงลายมือชื่อกำกับไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายบัญชีทราบด้วย
        (ข) เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายแล้ว ให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่กรมสรรพากรร่วมเป็นพยานในการทำลายก็ได้”

ดังนั้น กรณีวัตถุดิบมะขามเปียกเสีย ถือเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ จึงสามารถทำลายได้เลย โดยไม่ต้องล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

กรอก ภ.ง.ด.50 อย่างไร สำหรับการทำลายสินค้า

https://tax-ez.info/QA/View/DzXRPT19/

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 01/06/2022 - วันที่ตอบ 26/06/2022

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541ฯ

ปุจฉา

กรณีมีการทำลายสินค้าตามแนวทางที่่สรรพากรกำหนด ในตอนกรอก ภ.ง.ด.50 จะต้องดำเนินการกรอกตรงไหน และอย่างไรบ้างครับสำหรับราคาทุนของสินค้าที่ได้ทำลายไปครับผม

วิสัชนา

เกี่ยวกับการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541ฯ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ให้ศึกษาตาม Link ที่แนบมาท้ายนี้

https://www.facebook.com/Suthep.Pongpitak/posts/1727863890597913/


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    กรณีบริษัทฯ ทำลายสินค้าตามแนวทางปฏิบัติตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541ฯ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 ให้บริษัทฯ นำไปถือเป็นรายจ่ายในการดำเนินงาน ลงบัญชีผลเสียหายจากการทำลายสินค้า เช่นเดียวกับรายจ่ายในการดำเนินกิจการทั่วไป โดยไม่นำไปถือเป็นต้นทุนสินค้าที่ขาย เนื่องจากบริษัทฯ มิได้ขายสินค้านั้นออกไปแต่อย่างใด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"


เรื่อง

บริษัทฯ ทำลายสินค้าแป้งมัน สาคู แป้งที่เสียหาย โดยปฏิบัติตาม ป. 79/2541 แต่ไม่ได้แจ้งผู้สอบบัญชีมาเป็นพยาน

https://tax-ez.info/QA/View/4p5KbFtk/

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 24/03/2023 - วันที่ตอบ 04/04/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541

ปุจฉา

ขอรบกวนสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับการทำลายสินค้าแป้งมัน สาคู แป้งข้าวเหนียวที่เสียหาย โดยบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติ ป. 79/2541 ยกเว้นไม่ได้มีผู้สอบบัญชีมาร่วมเป็นพยาน

จึงอยากสอบถามว่า

สินค้าที่ทำลายนั้นสามารถนำมาเป็นรายจ่ายบริษัทได้หรือไม่คะ (จากแนววินิจฉัย กค 0706/5525 บอกว่าคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 79/2541 เป็นเพียงคำสั่งที่กำหนดให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวปฏิบัติในการตรวจสอบ หากบริษัทฯมีเอกสารและหลักฐานที่ชัดแจ้งสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการทำลายสินค้าจริงบริษัทมีสิทธินำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวนกำไรสุทธิได้) บริษัทนี้ต่างจากแนววินิจฉัยที่ไม่ได้เปลี่ยนผู้สอบค่ะ แต่ไม่ได้แจ้งให้ผู้สอบไปค่ะ

วิสัชนา

กรณีตามข้อเท็จจริง บริษัทฯ อาจใช้วิธีการแจ้ง (Inform) ให้ผู้สอบบัญชีรับทราบถึงรายการการทำลายสินค้าดังกล่าวของบริษัทฯ ภายหลังจากการทำลายก็ได้ครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ "


อ้างอิงกฏหมาย


https://www.rd.go.th/3575.html


คำสั่งกรมสรรพากร

ที่ ป. 79/2541

เรื่องแนวทางปฏิบัติ กรณีการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิสินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก

---------------------------------------------

เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบและแนะนำการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการทำลายของเสีย สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้า ที่หมดอายุ และเศษซาก กรมสรรพากรจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในคำสั่งนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

                        (1) ของเสียตามปกติ หมายถึงของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กรรมวิธีการผลิต ซึ่งได้มีการกำหนดอัตราของเสียที่ถือว่าเป็นอัตราปกติของกรรมวิธีการผลิต

                        (2) ของเสียเกินปกติ”หมายถึงของเสียที่เกิดขึ้นมากกว่าอัตราปกติที่ได้กำหนดไว้ในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ

                        (3) เศษซาก หมายถึงเศษวัตถุที่เกิดจากกระบวนการผลิตบางประเภทซึ่งมีมูลค่ากลับคืนที่อาจวัดได้ แต่มีจำนวนน้อย

ข้อ 2 การพิจารณาต้นทุนหรือรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับผลิตภัณฑ์ หน่วยที่ดี ให้ถือว่าต้นทุนของของเสียตามปกติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนของผลิตภัณฑ์หน่วยที่ดีด้วย

ข้อ 3 การลงรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับของเสียเกินปกติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต สินค้าที่เสื่อมคุณภาพ สินค้าที่มีตำหนิ สินค้าที่หมดสมัยนิยม สินค้าที่หมดอายุ และเศษซาก ถ้าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประสงค์จะตัดต้นทุนดังกล่าวเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ทำลายนั้น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

                        (1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ให้ถือปฏิบัติตามวิธีการเกี่ยวกับการทำลายของเสีย สินค้า และเศษซากที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนดและให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย หรือจัดทำรายงานการทำลายให้ผู้สอบบัญชีรับทราบ ทั้งนี้ ให้ผู้สอบบัญชีรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรแนบงบดุลไว้ด้วย

                        (2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก การควบคุมปริมาณวัตถุดิบนำเข้าซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนนั้น ในการทำลายวัตถุดิบ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนด และให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย หรือจัดทำรายงานการทำลายให้ผู้สอบบัญชีรับทราบ ทั้งนี้ ให้ผู้สอบบัญชีรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรแนบงบดุลไว้ด้วย สำหรับการทำลายสินค้าอื่นนอกจากวัตถุดิบดังกล่าวข้างต้น ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตาม (3)

(3) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น

(3.1) การทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

                                       (ก) ต้องมีการตรวจสอบสภาพสินค้าดังกล่าวว่า เสียหายตามเงื่อนไขที่แต่ละกิจการได้กำหนดไว้หรือไม่ และต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจในการพิจารณาให้เป็นสินค้าเสียหายตามเงื่อนไข ี่กำหนดดังกล่าว กรณีสินค้าที่ได้รับคืน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมีเอกสารหลักฐานการรับคืนสินค้า ซึ่งระบุรายละเอียดของสินค้าที่รับคืน เช่น วันเดือนปีที่รับคืน ปริมาณสินค้า ชนิดสินค้าหรือรหัสสินค้า สาเหตุที่รับคืนสินค้า เลขที่อ้างอิงของการสั่งซื้อสินค้าที่รับคืนนั้น และให้มีการลงลายมือชื่อของลูกค้าที่คืนสินค้า พนักงานที่รับคืนสินค้าด้วย เมื่อมีการนำสินค้าที่รับคืนมาเก็บไว้เพื่อรอทำลาย ให้พนักงานฝ่ายคลังสินค้าที่เก็บรักษาสินค้าเสียหายตรวจนับและลงลายมือชื่อกำกับไว้ พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายบัญชีทราบด้วย

                                       (ข) เมื่อได้รับอนุมัติให้ทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากจากผู้มีอำนาจอนุมัติให้ทำลายแล้ว ให้มีบุคคลอย่างน้อยประกอบด้วย ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายบัญชี ฝ่ายขาย หรือฝ่ายตรวจสอบ (ถ้ามี) ร่วมสังเกตการณ์ และลงลายมือชื่อเป็นพยานในการทำลาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี พร้อมทั้งให้เชิญผู้สอบบัญชีมาเป็นพยานในการทำลาย ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่กรมสรรพากรร่วมเป็นพยานในการทำลายก็ได้

                              (3.2) การทำลายของเสียหรือสินค้าหรือเศษซากที่โดยสภาพสามารถเก็บรักษาและรอการทำลายพร้อมกันได้เมื่อมีปริมาณที่เหมาะสม บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม (3.1) และให้แจ้งการทำลายให้สรรพากรพื้นที่หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) ในท้องที่ที่รับผิดชอบทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วันก่อนวันทำลาย ซึ่งสรรพากรพื้นที่ หรือสรรพากรจังหวัด หรือสรรพากรจังหวัด (สาขา) อาจส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการทำลายด้วยก็ได้ตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี

ข้อ 4 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือตอบข้อหารือ หรือแนวทางปฏิบัติใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้เป็นอันยกเลิก

สั่ง ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541

ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ

อธิบดีกรมสรรพากร

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ