1. กรณีบริษัทฯ ให้กรรมการกู้ยืมเงิน “โดยไม่คิดดอกเบี้ย” นั้น ในทางบัญชีหรือตามมาตรฐานการบัญชี กิจการก็ย่อมไม่อาจรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนได้ เพราะไม่มีทางที่จะได้รับดอกเบี้ยจากผู้กู้ยืมเลย ในภาษีอากร ทั้งกรณีภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะ หากการให้กู้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยนั้น เป็นกรณีที่ไม่มีเหตุอันสมควรตามมาตรา 65 ทวิ (4) หรือมาตรา 91/16 แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี ดังนี้ “มาตรา 65 ทวิ การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (4) ในกรณีโอนทรัพย์สิน ให้บริการ หรือให้กู้ยืมเงิน โดยไม่มีค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ย หรือมีค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ยนั้น ตามราคาตลาดในวันที่โอน ให้บริการหรือให้กู้ยืมเงิน” มาตรา 91/16 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามมาตรา 91/15 เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจ (6) กำหนดดอกเบี้ย ราคาทรัพย์สิน หรือค่าบริการ ตามราคาตลาดในวันให้กู้ยืมเงิน วันที่โอนหรือให้บริการ ในกรณีที่การให้กู้ยืมเงิน การโอนทรัพย์สิน หรือการให้บริการนั้นไม่มีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการ หรือมีดอกเบี้ย ค่าตอบแทน หรือค่าบริการต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร” อำนาจประเมินของเจ้าพนักงานประเมินกรณีดังกล่าว ย่อมสร้างความเสียหายให้แก่กิจการได้ ดังนั้นในทางปฏิบัติ กิจการจึงทำการประเมินตนเอง เพื่อรับรู้รายได้และรายรับเพื่อประโยชน์ในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะเท่านั้น โดยทำการปรับปรุงในแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.50 และแบบ ภ.ธ.40 ไม่ต้องบันทึกรายการทางบัญชีและวนเวียนเป็นงูกินหาง
2. บริษัทฯ ต้องคิดดอกเบี้ยกับกรรมการ และให้คิดดอกเบี้ยตามอัตราตลาด ณ วันที่ให้กู้ยืมนั้น ซึ่งกรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของบริษัทฯ ไว้ ดังนี้ “บริษัทฯ ต้องคิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยที่ได้ตกลงกัน แต่ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าราคาตลาดในวันที่ให้กู้ยืมเงินกันนั้น (1) กรณีบริษัทฯ นำเงินของตนที่มีอยู่ไปให้กู้ยืม อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับหรือควรจะได้รับ ให้คิดตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประเภทเงินฝากประจำในเวลาที่มีการกู้ยืม (2) กรณีบริษัทฯ นำเงินที่กู้ยืมมาจากบุคคลอื่นไปให้กู้ยืม อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับหรือควรจะได้รับ ให้คิดตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในวันที่ได้ให้กู้ยืมเงินที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน หรือคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเวลาที่บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินมาทั้งนี้ กรณีบริษัทฯ นำเงินไปให้กู้ยืม โดยไม่สามารถแยกแหล่งเงินทุนได้ว่ามาจากเงินของตนที่มีอยู่หรือเงินที่กู้ยืมมาจากบุคคลอื่น ให้คิดดอกเบี้ยที่ได้รับในอัตราไม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเวลาที่บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินมา” (หนังสือกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/560 ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558)
3. กรณีบริษัทฯ ให้กรรมการกู้ยืม โดยไม่คิดดอกเบี้ย เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ตามมาตรา 91/2 (5) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ต้องนำดอกเบี้ยที่พึงได้รับ ตามมาตรา 91/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มารวมคำนวณเป็นรายรับเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับเดือนสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี และยื่นแบบ ภ.ธ.40 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เช่น วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี คือ วันที่ 31 ธันวาคม บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ธ.40 และชำระภาษีธุรกิจเฉพาะภายในวันที่ 15 มกราคม ของปีถัดไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์" |