กฏกระทรวง M.R

กฎกระทรวง ฉบับที่ 377 (พ.ศ. 2564)


เรื่อง (ไทย) การดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานและทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ
เรื่อง (อังกฤษ)
ภาษาไทย (TH)

กฎกระทรวง
ฉบับที่ 377 (พ.ศ. 2564) 
ออกตามความในประมวลรัษฎากร 
ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานและทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยกระบวนการทาง 
อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ 

--------------------------------------

            อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 โสฬส และมาตรา 85/20 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 และมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ 

            ข้อ  1  ในกฎกระทรวงนี้ 

            “ผู้ประกอบการ ” หมายความว่า ผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือผู้ประกอบการ อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/13 วรรคสองและวรรคสาม 

            “ผู้ประกอบการจดทะเบียน ” หมายความว่า ผู้ประกอบการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร 

            “เอกสารหลักฐาน” หมายความว่า หมายเรียก หนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร แบบรายงาน หรือหนังสืออื่นใดที่เกี่ยวกับการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม การยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม การดำเนินการทางทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม การอุทธรณ์ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งอยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 

หมวด 1 

การจัดทำ ส่ง รับ หรือเก็บรักษาเอกสารหลักฐาน 

--------------------------------------

            ข้อ  2  การติดต่อระหว่างผู้ประกอบการและกรมสรรพากรเกี่ยวกับเอกสารหลักฐาน ด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร โดยให้ วิธีจัดทำ ส่ง รับ หรือเก็บรักษาเอกสารหลักฐาน เป็นไปตามที่กำหนดในหมวดนี้ 

            ข้อ  3  ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากรตามข้อ 2 ต้องมีกระบวนการอย่างน้อย ในเรื่อง ดังต่อไปนี้ 

            (1) การพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ประกอบการหรือเจ้าพนักงานสรรพากร 

            (2) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของระบบอิเล็กทรอนิกส์ 

            (3) กระบวนการที่ทำให้เอกสารหลักฐานอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม โดยสามารถแสดง หรืออ้างอิงเพื่อใช้ในภายหลัง และยังคงความครบถ้วนของข้อความในเอกสารหลักฐานได้ 

            ข้อ  4  การจัดทำเอกสารหลักฐานของผู้ประกอบการหรือกรมสรรพากร ให้กระทำในรูปแบบ ที่สามารถเข้าถึงและนำกลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าที่กำหนด ในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 

            ข้อ  5  การส่งและรับเอกสารหลักฐานระหว่างผู้ประกอบการและกรมสรรพากร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่ามีผลสมบูรณ์เมื่อได้ปรากฏข้อความยืนยันการรับเอกสารหลักฐานเข้าสู่ระบบ โดยข้อความดังกล่าวต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารหลักฐาน รวมถึงวันและเวลาที่ได้ส่งเอกสาร หลักฐานนั้น 

            การส่งเอกสารหลักฐานของผู้ประกอบการให้แก่กรมสรรพากรตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่า ผู้ประกอบการได้รับรองความถูกต้องและครบถ้วนของข้อความที่ปรากฏในเอกสารหลักฐานที่ได้ส่งนั้น 

            ข้อ  6  การเก็บรักษาเอกสารหลักฐานของกรมสรรพากร ต้องใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ และสามารถเข้าถึงข้อความในเอกสารหลักฐานนั้นในภายหลังโดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง โดยมี มาตรฐานไม่ต่ำกว่าที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์                             

หมวด 2 

ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 

--------------------------------------

            ข้อ  7  ให้ผู้ประกอบการหรือกรมสรรพากรจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เปลี่ยนแปลงรายการ ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถอนหรือเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับ ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหมวดนี้ แทนการดำเนินการตามส่วน 9 โดยดำเนินการด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ 

            เอกสารหลักฐานที่ใช้สำหรับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด 

            ข้อ  8  ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอภายในกำหนดเวลา ดังต่อไปนี้ 

            (1) สำหรับผู้ประกอบการที่มีมูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินมูลค่าของฐานภาษี ของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 81/1 ให้ยื่นคำขอจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสามสิบวันนับแต่ 

                (ก) วันที่มูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการเกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการ ขนาดย่อม สำหรับกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมไว้แล้ว หรือ 

                (ข) วันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ สำหรับกรณีที่มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนด มูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมขึ้นใหม่ หรือมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดมูลค่า ของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมน้อยกว่าที่กำหนดไว้ก่อน 

            (2) สำหรับผู้ประกอบการที่มีมูลค่าของฐานภาษีในการประกอบกิจการไม่เกินมูลค่าของ ฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 81/1 ที่ประสงค์ จะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ก่อนวันที่มีมูลค่าของฐานภาษีเกินมูลค่า ของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมนั้น 

            ข้อ  9  ในกรณีที่คำขอและเอกสารหลักฐานถูกต้องและครบถ้วน และผู้ยื่นคำขอไม่เคยเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถูกอธิบดีสั่งเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กรมสรรพากรประกาศ รายชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้ประกอบการจดทะเบียน และให้ถือว่าผู้ประกอบการนั้นได้แสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 85/4 แล้ว 

            ให้ผู้ประกอบการที่มีการประกาศรายชื่อตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนนับแต่ วันที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

            ข้อ  10  ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มดังต่อไปนี้ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

            (1) การเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสาระสำคัญ ได้แก่ ชื่อผู้ประกอบการ ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการประกอบกิจการ และที่อยู่บนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นที่ใช้ในการประกอบกิจการ 

            (2) การหยุดประกอบกิจการชั่วคราวเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าสามสิบวัน 

            (3) การย้ายสถานประกอบการ 

            (4) การเลิกประกอบกิจการ รวมถึงการโอนกิจการทั้งหมดให้แก่ผู้ประกอบการอื่น และ การควบเข้ากันเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 

            (5) รายการอื่นตามที่อธิบดีประกาศกำหนด ให้กรมสรรพากรประกาศการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของ ผู้ประกอบการจดทะเบียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการออกใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เปลี่ยนแปลง

            ข้อ  11  ในกรณีที่มีการโอนกิจการทั้งหมดให้แก่ ผู้ประะกอบการจดทะเบียนอื่น ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้โอนกิจการแจ้งการโอนและแจ้งการเลิกประกอบกิจการ ให้กรมสรรพากรทราบในคราวเดียวกัน

            ในกรณีที่ผู้รับโอนกิจการตามวรรคหนึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ผู้ประกอบการรายดังกล่าวดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามข้อ 8 

            ข้อ  12  ผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งเป็นนิติบุคคลใดประสงค์จะควบเข้ากันให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นแจ้งการเลิกประกอบกิจการ และให้ผู้ประกอบการรายใหม่ซึ่งได้ควบเข้ากัน ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ควบเข้ากัน 

            ข้อ  13  ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถึงแก่ความตาย ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายแจ้งให้กรมสรรพากรทราบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเร็วที่สุด และให้มีผลเป็นการแจ้งเลิกประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียน 

            ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของผู้ตายดำเนินการเกี่ยวกับกิจการเท่าที่จำเป็นจนกว่าอธิบดีจะสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายนั้นออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาที่อธิบดีประกาศกำหนด

            ในกรณีที่ผู้จัดการมรดกหรือทายาทของผู้ตายประสงค์ประกอบกิจการของผู้ประกอบการ จดทะเบียนที่ถึงแก่ความตายต่อไป ให้บุคคลดังกล่าวยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎกระทรวงนี้ 

            ข้อ  14  ในกรณีดังต่อไปนี้ ให้อธิบดีสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 

            (1) เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ

            (2) เมื่ออธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 

            (3) เมื่ออธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 

            ข้อ  15  ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ หรืออธิบดีสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กรมสรรพากรแจ้งให้ผู้ประกอบการ จดทะเบียนทราบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนยังคงต้องรับผิดในฐานะ เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนต่อไป จนกว่าอธิบดีจะสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนนั้นออกจาก ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 

            เมื่ออธิบดีสั่งขีดชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กรมสรรพากร แจ้งการขีดชื่อให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนทราบและประกาศรายชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ถูก สั่งขีดชื่อดังกล่าวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้ถือว่าผู้ประกอบการดังกล่าวได้คืนใบทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม 

            ข้อ  16  ผู้ประกอบการที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 และกรมสรรพากรประกาศรายชื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ให้ถือว่า เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป 


ให้ไว้ ณ วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 


_______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________


หมายเหตุ :-  เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีการให้บริการ ทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรโดยผู้ใช้ซึ่งมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งผู้ประกอบการในกรณีดังกล่าวมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/13 วรรคสองและ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำ ส่ง รับ และเก็บรักษาเอกสารหลักฐานหรือหนังสืออื่นใด ที่กรมสรรพากรและผู้ประกอบการดังกล่าวต้องใช้ติดต่อระหว่างกัน และการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่มของผู้ประกอบการดังกล่าว ให้กระทำได้โดยใช้กระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ 

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนที่ 54 ก หน้า 13-18 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2564

ภาษาอังกฤษ (EN)

ขออภัย สำหรับหัวข้อนี้ไม่มีการแปลภาษาอังกฤษค่ะ

Sorry, This Regulation doesn’t have English Translation.

Tax-EZ(easy) Note