ประกาศฯ เกี่ยวกับทั่วไป DG.N-General

ประกาศอธิบดีกรมสรรพกรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 43
เรื่อง (ไทย) | ฉบับที่ 43 ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 43) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการบริจาคให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 |
เรื่อง (อังกฤษ) | |
ภาษาไทย (TH) | ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร(ฉบับที่ 43) เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลคาเพิ่ม สําหรับการบริจาคให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 _________________ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 751) พ.ศ. 2565 อธิบดีกรมสรรพากรกําหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลคาเพิ่ม สําหรับการบริจาคให้แก่ สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา สําหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 751) พ.ศ. 2565 จะต้องบริจาคเป็นเงิน เท่านั้น โดยบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยจํากัด (มหาชน) สาขาทําเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” เลขที่บัญชี 067-0-13829-0 ข้อ 2 การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 4 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 751) พ.ศ. 2565 จะบริจาคเป็นเงิน ทรัพย์สินหรือสินค้าก็ได้ โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ (1) กรณีที่บริจาคเป็นเงินต้องเป็นการบริจาคผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาทําเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” เลขที่บัญชี 067-0-13829-0 (2) กรณีที่บริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ต้องเป็นทรัพย์สินหรือสินค้า ประเภทและชนิดตามที่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีกําหนด (3) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐานการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจํานวนและมูลค่าของทรัพย์สินนั้น โดยให้ถือว่ามูลคาตามหลักฐานดังกล่าวเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (4) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นมาบริจาค ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคํานวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค (5) กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนําสินคามาบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสินคาที่ผลิตเองหรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินคาคงเหลือยกมา ตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (6) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจํานวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15) แห่งประมวลรัษฎากร ข้อ 3 การบริจาคให้แก่สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ และภาษีมูลคาเพิ่ม ตามมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 751) พ.ศ. 2565 โดยผู้ที่ใชสิทธิยกเว้นภาษีอากรไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคต่อเจ้าพนักงานประเมิน ข้อ 4 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ลวรณ แสงสนิท (นายลวรณ แสงสนิท) อธิบดีกรมสรรพากร |
ภาษาอังกฤษ (EN) | |
Tax-EZ(easy) Note |