Case study

สวัสดิการพนักงาน การเเจกทองคำให้พนักงาน


เรื่อง สวัสดิการพนักงาน การเเจกทองคำให้พนักงาน
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 20/01/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา,ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทมีสวัสดิการพนักงาน โดยจะเเจกทองคำให้พนักงาน เมื่อพนักงานทำงานครบ จำนวนปีที่กำหนด (ราคาซื้อทองที่บริษัทจ่ายชำระไปคือ 100,000 บาท)

คำถาม ภาระภาษีที่เกี่ยวข้องกับการเเจกทองคำให้พนักงาน

คำตอบ


ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT)

ถ้าการมอบทองคำนี้เกี่ยวข้องกับสวัสดิการที่ทางบริษัทให้กับพนักงาน และไม่เข้าลักษณะรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3)(9)(13)(18) บริษัทสามารถรับรู้เป็นรายจ่ายทางภาษีได้

วันที่บริษัทซื้อทอง >>  ให้บริษัทรับรู้มูลค่าทองคำตามมูลค่าที่บันทึกรับรู้เป็นทรัพย์สินไว้ 100,000 บาท 

วันที่บริษัทมอบทองให้พนักงาน >>  

  • เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ในรอบระยะเวลาบัญชีที่มอบทองคำให้แก่พนักงานตามเกณฑ์สิทธิมาตรา 65 วรรคท้าย
  • ถ้าบริษัทไม่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากพนักงาน ถ้าตีความแบบเคร่งครัดบริษัทจะมีรายจ่าย “ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่มิได้เรียกเก็บ” ซึ่งจะถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร


มาตรา 65 ตรีรายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

“(3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล เว้นแต่..

(6 ทวิ) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระหรือพึงชำระ และภาษีซื้อของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน เว้นแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีซื้อของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ภาษีซื้อที่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (4) หรือภาษีซื้ออื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

 (9) รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่น เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถจะลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีใดก็อาจลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถัดไปได้

(13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ

(18) รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ



มาตรา 65  เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือกำไรสุทธิซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีหักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี และรอบระยะเวลาบัญชีดังกล่าวให้มีกำหนดสิบสองเดือน เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้จะน้อยกว่าสิบสองเดือนก็ได้ คือ
(ก) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเริ่มตั้งใหม่จะถือวันเริ่มตั้งถึงวันหนึ่งวันใดเป็นรอบระยะเวลาบัญชีแรกก็ได้
(ข) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอาจยื่นคำร้องต่ออธิบดีขอเปลี่ยนวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ในกรณีเช่นว่านี้ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต สุดแต่จะเห็นสมควร คำสั่งเช่นว่านั้นต้องแจ้งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ยื่นคำร้องทราบภายในเวลาอันสมควร และในกรณีที่อธิบดีสั่งอนุญาต ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนด
การคำนวณรายได้และรายจ่ายตามวรรคหนึ่งให้ใช้เกณฑ์สิทธิ โดยให้นำรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีใด แม้ว่าจะยังไม่ได้รับชำระในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น และให้นำรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกี่ยวกับรายได้นั้นแม้จะยังมิได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นมารวมคำนวณเป็นรายจ่ายของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
             ในกรณีจำเป็น ผู้มีเงินได้จะขออนุมัติต่ออธิบดีเพื่อเปลี่ยนแปลงเกณฑ์สิทธิ และวิธีการทางบัญชีเพื่อคำนวณรายได้และรายจ่ายตามวรรคสองก็ได้ และเมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป


ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

ถือเป็นการขายสินค้า ตามมาตรา 77/1(8)(9)  แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทจะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา  77/2 (1)แห่งประมวลรัษฎากร  โดย ความรับผิดในการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ เมื่อมอบทองคำให้พนักงาน ตามมาตรา 78 แห่งประมวลรัษฎากร  และมูลค่าของฐานภาษีที่ต้องนำส่งคือ ราคา 100,000 บาท VAT 7,000 บาท  ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร

และ ภาษีซื้อที่บริษัทจ่ายให้ร้านทอง(ถ้ามี) สามารถนำมาเครดิตภาษีได้



มาตรา 77/1 ในหมวดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

(8) " ขาย " หมายความว่า จำหน่าย จ่าย โอนสินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ และให้หมายความรวมถึง

“(9) “สินค้า” หมายความว่า ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใด ๆ และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด”



มาตรา 77/2 การกระทำกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักรให้อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามบทบัญญัติในหมวดนี้
             (1) การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยผู้ประกอบการ


มาตรา 78ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
 (1) การขายสินค้านอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) (4) หรือ (5) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้า เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนส่งมอบสินค้าก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย

(ก) โอนกรรมสิทธิ์สินค้า
(ข) ได้รับชำระราคาสินค้า หรือ
(ค) ได้ออกใบกำกับภาษี
 ทั้งนี้ โดยให้ความรับผิดเกิดขึ้นตามส่วนของการกระทำนั้น ๆ แล้วแต่กรณี


มาตรา 79 ภายใต้บังคับมาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการ ได้แก่มูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ รวมทั้งภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) ถ้ามีด้วย
             มูลค่าของฐานภาษีให้หมายความถึง เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน ค่าบริการหรือประโยชน์ใด ๆ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน



ภาษีหัก ณ ที่จ่าย  (WHT) & ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา(PIT)


การมอบทองคำให้พนักงาน ถือเป็นประโยชน์ส่วนเพิ่มของพนักงาน จึงถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)   แห่งประมวลรัษฎากร  บริษัทจะต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ของพนักงานเพื่อหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร 

  • เงินได้ค่าทองคำ  100,000  บาท
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้าไม่เรียกเก็บ)    7,000 บาท    


มาตรา 40   เงินได้พึงประเมินนั้น คือเงินได้ประเภทต่อไปนี้ รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
 
        (1) เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน


มาตรา 50 ให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวิธีดังต่อไปนี้
         
(1) ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ให้คูณเงินได้พึงประเมินที่จ่ายด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย เพื่อให้ได้จำนวนเงินเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น
 
         ถ้าการหารด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่ายตามความในวรรคก่อนไม่ลงตัว เหลือเศษเท่าใดให้เพิ่มเงินเท่าจำนวนที่เหลือเศษนั้นรวมเข้ากับเงินภาษีที่จะต้องหักไว้ครั้งสุดท้ายในปีนั้น เพื่อให้ยอดเงินภาษีที่หักรวมทั้งปีเท่าจำนวนภาษีที่จะต้องเสียทั้งปี  

ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ซึ่งเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ซึ่งได้คำนวณจ่ายจากระยะเวลาที่ทำงาน และได้จ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ให้คำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48(5) เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น
           ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) นอกจากที่ระบุไว้ในวรรคสาม ที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15.0 ของเงินได้
  


หมายเหตุ   บริษัทหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งด้วยแบบ ภ.ง.ด.1   ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของปีถัดจากปีภาษี บริษัทมีหน้าที่ต้องออก หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ให้กับพนักงาน โดยรวมมูลค่าทองคำเข้ากับเงินได้ประจำปีอื่นๆ และ พนักงานต้องนำไปยื่นภาษีของตนในแบบ ภ.ง.ด.91 ด้วยเช่นกัน    


มาตรา 50 ทวิให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปีภาษีให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายสองฉบับ มีข้อความตรงกันในกรณีและตามกำหนดเวลาดังต่อไปนี้

         (1) ในกรณีตามมาตรา 3 เตรส ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
 
         (2) ในกรณีตามมาตรา 50(1) ให้ออกภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดจากปีภาษี หรือภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายออกจากงานในระหว่างปีภาษี
 
          (3) ในกรณีตามมาตรา 50(2) (3) หรือ (4) ให้ออกในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ใช้ตามแบบที่อธิบดีกำหนด
     อธิบดีมีอำนาจยกเว้นการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ในกรณีที่เห็นสมควร  



อ้างอิง

เรื่อง

บริษัทฯ แจกทองพนักงานในงานเลี้ยงปีใหม่

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 31/08/2023 - วันที่ตอบ 06/10/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 40 (1), มาตรา 50 (1), มาตรา 65 ตรี (6 ทวิ), มาตรา 77/1 (8) แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

กรณีบริษัทฯ ต้องการแจกทองพนักงานในงานเลี้ยงปีใหม่ ทองคำน้ำหนัก 1 บาท นี้ได้รับจาก Supplier โดยการซื้อสินค้าตามเป้าฯ ทางบริษัทฯ รับรู้เป็นทรัพย์สินไว้เมื่อจะนำทองดังกล่าวแจกพนักงานในงานเลี้ยงปีใหม่ ต้องหักภาษีพนักงานอย่างไรบ้างค่ะ และมูลค่าทองที่ต้องบันทึกบัญชี ณ วันที่ได้ทอง หรือวันที่แจกพนักงานค่ะ

วิสัชนา

กรณีบริษัทฯ ได้รับทองคำน้ำหนัก 1 บาททองคำ จาก Supplier เนื่องจากการส่งเสริมการขาย โดยการซื้อสินค้าตามเป้าฯ ซึ่งบริษัทฯ รับรู้เป็นทรัพย์สินไว้

เมื่อบริษัทฯ นำทองคำดังกล่าวมาแจกให้พนักงานในงานเลี้ยงปีใหม่

1กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม

    การแจกทองคำให้แก่พนักงาน ถือเป็นการ “ขาย” สินค้าให้แก่พนักงาน ตามมาตรา 77/1 (8) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) แห่งประมวลรัษฎากดร โดยคำนวณมูลค่าทองคำเป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมูลค่าที่บริษัทฯ ได้บันทึกรับรู้เป็นทรัพย์สินไว้ โดยอนุโลม

    (1) หากบริษัทฯ เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากพนักงาน บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่พนักงานฯ

    (2) แต่ถ้าบริษัทฯ ไม่ได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากพนักงาน บริษัทฯ ไม่จำต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่พนักงานฯ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที ป. 86/2542ฯ


2.กรณีเงินได้นิติบุคคล

    (1) ให้บริษัทฯ รับรู้มูลค่าทองคำตามมูลค่าที่บันทึกรับรู้เป็นทรัพย์สินไว้ เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ในรอบระยะเวลาบัญชีที่มอบทองคำให้แก่พนักงานตามเกณฑ์สิทธิ

    (2) หากบริษัทฯ มิได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรถือว่า บริษัทฯ มีรายจ่าย “ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่มิได้เรียกเก็บ” อันถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร



 3กรณีภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย

    (1) บริษัทฯ ต้องนำมูลค่าทองคำตามข้อ 2 (1) มาถือรวมเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

(2) และหากบริษัทฯ ไม่ได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากพนักงาน ก็ให้นำค่าภาษีมูลค่าเพิ่มมารวมเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ด้วยเช่นเดียวกับมูลค่าทองคำตาม (1)



ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

1) ภาษีซื้อกับของรางวัลแจกปีใหม่พนักงาน 2) การลงทุนในเครื่องจักรหักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มอีก 1.5 เท่า การลงทุนในเครื่องจักรเเละส่วนเพิ่มเติมเพื่อให้เครื่องจักรใช้งานได้

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 08/01/2022 - วันที่ตอบ 09/04/2022

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

1) มาตรา 40 (1), มาตรา 50 (1), มาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร 2) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 378)

ปุจฉา

1. รบกวนสอบถามเรื่องของรางวัลแจกปีใหม่พนักงาน เช่น ตู้เย็น ทีวีและอื่น ๆ ภาษีซื้อสามารถเคลมได้หรือไม่คะและพนักงานที่ได้รับของรางวัลไปต้องเปิดบิลขายมั้ยคะถ้าเปิดเฉพาะรางวัลที่เป็นตู้เย็น ทีวี หรือทุกรางวัลที่แจกไปคะ

2.ดิฉันมีเรื่องรบกวนถามค่ะ ตามประกาศที่ 378 ที่การลงทุนในเครื่องจักรหักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มอีก 1.5 เท่านั้น ในกรณีที่เราซื้อเครื่องจักรมา 1 เครื่องราคา 250,000 บาท แต่ต้องมีส่วนเพิ่มเติมเพื่อให้เครื่องจักรใช้งานได้ เช่นการทำฐาน การเดินสายไฟ และอื่นๆ รวมอีก 50,000 บาทเป็นราคารวม 300,000 บาทในส่วนนี้ ส่วนที่ใช้ได้คือ 250,000 บาท หรือ 300,000 บาท คะ

วิสัชนา

1. กรณีบริษัทฯ ซื้อของรางวัลเพื่อแจกเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่พนักงาน เช่น ตู้เย็น ทีวีและอื่น การแจกของรางวัลดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายสวัสดิการพนักงาน ซึ่งบริษัทฯ ควรจัดทำเป็นมติพิเศษของกรรมการเพื่อมอบเป็นสวัสดิการพนักงาน จึงถือเป็นภาษีซื้อสำหรับรายจ่ายที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการประกอบกิจการ บริษัทฯ สามารถนำภาษีซื้อมาเป็นเครดิตหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ โดยบริษัทฯ ต้องนำมูลค่าของสิ่งของที่มอบเป็นรางวัลแก่พนักงานไปรวมคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีขาย) ด้วย โดยไม่จำต้องออกใบกำกับภาษี ทั้งนี้ สำหรับการให้รางวัลเป็นสิ่งของหรือบริการเท่านั้น หากให้เป็นเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด ก็ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

     ในทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารางวัลที่พนักงานที่ได้รับเข้าลักษณะเป็นประโยชน์เพิ่ม (Fringe Benefit) ที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ของพนักงาน ที่บริษัทฯ ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร รวมทั้งภาษีขายที่ไม่เรียกเก็บด้วย เช่น สินค้าที่แจกมีมูลค่า 10,000 บาท คิดเป็นภาษีขาย 700 บาท เช่นนี้ ถือว่าพนักงานได้รับเงินได้เป็นเงินรวม 10,700 บาท

     ภาษีขายที่ไม่เรียกเก็บในทางปฏิบัติถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6 ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร  


2.ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 378) ที่การลงทุนในเครื่องจักรหักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มอีก 1.5 เท่านั้น ในกรณีที่เราซื้อเครื่องจักรมา 1 เครื่องราคา 250,000 บาท แต่ต้องมีส่วนเพิ่มเติมเพื่อให้เครื่องจักรใช้งานได้ เช่นการทำฐาน การเดินสายไฟ และอื่นๆ รวมอีก 50,000 บาทเป็นราคารวม 300,000 บาท เช่นนี้ให้ใช้สิทธิประโยชน์ จากจำนวนเงินที่ลงทุนทั้งสิ้นคือ 300,000 บาท

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะคลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ