Case study

การยื่นงานภาษีมูลค่าเพิ่ม และออกใบกำกับภาษี สำหรับการส่งออกสินค้าโดยผ่านพิธีศุลกากร


เรื่อง การยื่นงานภาษีมูลค่าเพิ่ม และออกใบกำกับภาษี สำหรับการส่งออกสินค้าโดยผ่านพิธีศุลกากร
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 22/06/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทส่งออกสินค้าโดยผ่านพิธีศุลกากร ต้องยื่นรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม และออกใบกำกับภาษีฐานภาษีใช้อัตราแลกเปลี่ยนใด ใช้ตามใบขนสินค้าขาออก หรือต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามธนาคารแห่งประเทศไทย

คำตอบ

คำตอบ

1. การออกใบกำกับภาษี

กรณีขายสินค้าไปต่างประเทศโดยการส่งออก บริษัทไม่จำเป็นต้องออกใบกำกับภาษี TAX INVOICE สามารถใช้ใบกำกับสินค้า INVOICE ซึ่งผู้ส่งออกได้ออกเป็นปกติตามประเพณีทางการค้าระหว่างประเทศได้ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องแปลงอัตราแลกเปลี่ยนจากสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท เพื่อออกใบกำกับภาษีแต่อย่างใด



มาตรา 86/5ใบกำกับภาษีดังต่อไปนี้อธิบดีอาจกำหนดให้มีรายการเป็นอย่างอื่นได้
             (1) ใบกำกับภาษีของสินค้าหรือบริการเฉพาะอย่างตามมาตรา 79/1
 
( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 21) )
  

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 21)

เรื่อง    กำหนดรายการในใบกำกับภาษีของสินค้าหรือบริการบางกรณี ตามมาตรา86/5(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร

  อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 86/5(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ2534 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดรายการในใบกำกับภาษีของสินค้าหรือบริการบางกรณี ไว้ดังต่อไปนี้

  ข้อ 1กำหนดให้ใบกำกับภาษีของการขายสินค้าหรือให้บริการโดยการส่งออกตามมาตรา 86/5(1)แห่งประมวลรัษฎากร มีรายการเช่นเดียวกันกับใบกำกับสินค้าซึ่งผู้ส่งออกได้ออกเป็นปกติตามประเพณีทางการค้าระหว่างประเทศ



2. การยื่นรายงานภาษีขาย


อัตราภาษีขาย%

บริษัทฯ ขายสินค้าไปต่างประเทศโดยได้ดำเนินพิธีการส่งออกที่ศุลกากร จะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอัตรา 0% ตามมาตรา 80/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร (IN to OUT) 

รายงานภาษีขาย

  • ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ตามมาตรา78 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร
  • นำส่งรายได้(ฐานภาษี) ในแบบ ภ.พ.30 ด้วยมูลค่า FOB  ตามมาตรา 79/1(1) ยอดสินค้าตามใบขนขาออก
  • วันที่ลงรายงานคือวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก คือวันที่ตามใบขนขาออก สถานะ 0209

อัตราแลกเปลี่ยนใช้ แบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้

1) ขายเงินสด : ใช้อัตราแลกเปลี่ยนจริงที่รับเงิน Actual Rate ม. 79/4 (1)

           2) ขายเงินเชื่อ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารพาณิชย์ (แล้วแต่นโยบายบริษัท) ในการแปลงค่าเงินจากสกุลเงินต่างประเทศ เป็นสกุลเงินบาท (จะไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามใบขนสินค้าขาออกที่กรมศุลกากรประกาศใช้) 

           3) รับเงินมัดจำล่วงหน้า : เมื่อมีการดำเนินพิธีการส่งออก

  • รับมัดจำล่วงหน้าทั้งจำนวน :ใช้อัตราแลกเปลี่ยนจริงที่รับเงินล่วงหน้า Actual Rate ตามมาตรา  79/4 (1)
  • รับเงินมัดจำบางส่วน ส่วนที่ได้รับเงินแล้ว: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนจริงที่รับเงิน Actual Rate ตามมาตรา 79/4 (1) ส่วนที่ยังไม่ได้รับ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารพาณิชย์ 
  • เอกสาร ใบขนสินค้า ที่แนบในรายงานภาษีขาย สามารถใช้ได้ทั้งใบที่เป็น status  0209 หรือ 0409 (ที่มีรายละเอียดของ 0209)  ก็ได้      แต่ถ้าเป็น 0409 จะชัดเจนว่ามีการส่งออก

บันทึกรายได้

  • บันทึกรายได้เมื่อส่งมอบสินค้าเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทน ตามเงื่อนไข  Incoterm เช่น ขายสินค้าด้วยเงื่อนไข FOB ,CIF ,CFR (Shipping Point) บันทึกเมื่อของลงเรือ/ขึ้นเครื่องบิน ที่ประเทศไทย วันที่ตามใบขน สถานะ 0409  เป็นต้น 
  • อัตราแลกเปลี่ยนใช้อัตราซื้อตามธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธนาคารพาณิชย์  

         กรณีขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ Dr. ลูกหนี้  / Cr. รายได้

เอกสารประกอบ

การบันทึกบัญชี

  • PO  และ ใบแจ้งหนี้ (INVOICE) ไม่จำเป็นต้องออกใบกำกับภาษี สามารถใช้ INVOICE ที่ใช้ในการดำเนินพิธีการส่งออกให้ลูกค้าได้
  • ใบขนสินค้าขาออก  
  • เอกสารชุดส่งออก เช่น Packing list แพคกิ้งลิส, AirWayBill แอร์เวย์บิล, Bill of Lading บิลออฟเลดดิ้ง เป็นต้น


มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(4) การขายสินค้าโดยส่งออก ให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

(ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค)ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออกเว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก แล้วแต่กรณีก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร


มาตรา 79/1ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการเฉพาะอย่างให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
  
(1) ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออกได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออกโดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี.ของสินค้าบวกด้วยภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่ทั้งนี้ไม่ให้รวมอากรขาออก
  ราคา เอฟ.โอ.บี. ได้แก่
ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ


มาตรา 80/1 ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
             (1) การส่งออกสินค้าที่มิใช่การส่งออกสินค้าซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81 (3)



สถานะในใบขน

Status 01 Declaration draft

หมายถึง ใบขนที่อยู่ในระหว่างการร่าง ซึ่งทางชิปปิ้งหรือตัวแทนออกของจะต้องสำแดงมูลค่าของสินค้าให้ถูกต้องตามใบแสดงรายการบรรจุหีบห่อที่ผู้ขายจัดทำให้ผู้ซื้อ (Packing List), ใบแจ้งหนี้ (Invoice) และใบอนุญาตต่างๆ ให้ทางผู้ประกอบการตรวจสอบความถูกต้องก่อนยื่นให้กับกรมศุลกากร

Status 02 Declaration Accepted
หมายถึง ข้อมูลที่ผู้ประกอบการตรวจสอบแล้วว่าข้อมูลถูกต้อง จากนั้นจึงมีการส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกรมศุลกากรแล้ว และเมื่อมีการชำระภาษีอากรเป็นที่เรียบร้อย สถานะก็จะเปลี่ยนเป็น Status 2

Status 3 Goods Transaction control already check

หมายถึง เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจสอบสินค้าและรับรองข้อมูลว่าผู้ประกอบการได้สำแดงข้อมูลอย่างถูกต้องตามสินค้าที่นำเข้า-ส่งออก

Status 04 Goods Load

หมายถึง ใบขนสินค้าที่มีการส่งออกโดยสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงยานพาหนะที่ใช้บรรทุกสินค้าได้ออกเดินทางออกจากราชอาณาจักรไทยแล้ว และในส่วนของการนำเข้า หมายถึง ตัวแทนออกของได้ดำเนินการพิธีการศุลกากรเป็นที่เรียบร้อย


หมายเหตุ

1. สถานะ 0209 คือวันที่จุดรับผิดทางภาษีที่ต้องนำส่งภาษีขาย
 2. 
สถานะ 0409 คือวันที่ที่ยืนยันว่าของออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว
     - 
กรณีขาย CIF บริษัทบันทึกรายได้โดยแปลงเป็นเงินบาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ของสถานะ 0409
     - 
กรณืที่ไม่มีหลักฐาน สถานะ 0409 จะถือว่า บริษัทไม่ได้สิทธิ์ VAT 0%  บริษัทจะต้องกลับไปยื่น VAT  7%  ย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ที่ยื่น VAT 0%

ตัวอย่างใบขนขาออก


สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ EZ-Trainning
 Link : 
https://tax-ez.info/Training/View/O4UN4xuJ

Tax Case Study EP.14 ขายสินค้าไปต่างประเทศมีภาระภาษีอย่างไร


อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

จุดรับผิดในการออกใบกำกับภาษีและรับรู้รายได้ กรณีส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 21/06/2023 - วันที่ตอบ 25/06/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 78 (4) แห่งประมวลรัษฎากร, คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 132/2548 ฯ

ปุจฉา

บริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เงื่อนไขคือ Payment Credit Term 30 Day After B/L Date จุดในการออกใบกำกับภาษีขาย และรับรู้รายได้คือเมื่อใดคะINCOTERMs มีทั้ง FOB & CIF

วิสัชนา

1. ตามมาตรา 78 (4) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการส่งออกดังนี้

    “มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

         (4) การขายสินค้าโดยส่งออก ให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

              (ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก แล้วแต่กรณี ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

              (ข) การส่งออกในกรณีที่นำสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากรตามมาตรา 77/1 (14)(ก) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตดังกล่าว  

              (ค) การส่งออกซึ่งสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร” 


 
2.ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการบันทึกรับรู้ลูกหนี้การค้าสำหรับการส่งออก ในวันที่ส่งมอบสินค้า ซึ่งได้แก่วันที่ส่งมอบสินค้าตามเงื่อนไข INCOTERMs 

     “มาตรา 65 ทวิ มาตรา 65 ทวิ การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

         (5) เงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศที่เหลืออยู่ในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทย อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

              (ก) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนอกจาก (ข) ให้เลือกใช้วิธีการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หรือวิธีการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา หรือทรัพย์สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้และคำนวณค่าหรือราคาของหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขายซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้ หรือวิธีการอื่นซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามวิชาการบัญชีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ เมื่อใช้วิธีการใดในการคำนวณค่าหรือราคาดังกล่าวแล้ว ให้ใช้วิธีการนั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนแปลงได้

              (ข) กรณีธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด ให้ใช้วิธีการคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามอัตราถัวเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายของธนาคารพาณิชย์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คำนวณไว้

              เงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศ ที่รับมาหรือจ่ายไปในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้ใช้วิธีการคำนวณค่าหรือราคาเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น”


 
ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

กรณีบริษัทฯ ส่งออกสินค้า ไปต่างประเทศ เงื่อนไข INCOTERMs มีทั้ง FOB & CIF เงื่อนไขการรับชำระหนี้ Payment Credit Term 30 Day After B/L Date เช่นนี้

1. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม

    (1) เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการส่งออกเกิดขึ้นตามเงื่อนไขตามมาตรา 78 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งได้แก่ วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร หมายถึง วันที่ที่กรมศุลกากรได้รับใบขนสินค้าขาออกที่บริษัทฯ ได้ส่งให้ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้แก่ Status 0209

    (2) ตามมาตรา 86/5 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 1 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 21) เรื่อง กำหนดรายการในใบกำกับภาษีของสินค้าหรือบริการบางกรณี ตามมาตรา 86/5(1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 อธิบดีกรมสรรพากรได้กำหนดให้ถือว่า “ใบกำกับสินค้า” เป็นใบกำกับภาษีสำหรับการส่งออกสินค้า ดังนี้

         “ข้อ 1 กำหนดให้ใบกำกับภาษีของการขายสินค้าหรือให้บริการโดยการส่งออกตามมาตรา 86/5(1)แห่งประมวลรัษฎากร มีรายการเช่นเดียวกันกับใบกำกับสินค้าซึ่งผู้ส่งออกได้ออกเป็นปกติตามประเพณีทางการค้าระหว่างประเทศ

    (3) ตามมาตรา 79/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออก โดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าบวกด้วยภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่ทั้งนี้ไม่ให้รวมอากรขาออก

         ราคา เอฟ.โอ.บี. ได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ

    (4) ให้บริษัทฯ บันทึกรายงานภาษีขายภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่ความรับผิดในกาเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ตามมาตรา 87 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 89) ฯ ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2542   


  
2. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล

    ให้บริษัทฯ บันทึกรับรู้ลูกหนี้การค้าต่างประเทศเทศ ตามเงื่อนไข INCOTERMs ทั้งกรณีเงื่อนไข FOB และ CIF ณ วันที่สายการเดินเรือได้ออกหลักฐาน B/L ให้แก่บริษัทฯ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 132/2548 ฯ ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2548

    (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อ) หรือ

    (2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ย)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"



เรื่อง

การรับรู้รายได้ เเละการนำส่งภาษีขาย จากการขายสินค้าออกไปต่างประเทศ

https://tax-ez.info/QA/View/b1QSaFwm

แหล่งที่มา

Case study

วันที่

05/03/2025

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

null

คำถาม

ขอสอบถามเกี่ยวกับการรับรู้รายได้ เเละการนำส่งภาษีขาย จากการขายสินค้าออกไปต่างประเทศ  ทางบัญชี เเละ ภาษี เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ

คำตอบ


 ตอบ

การรับรู้รายได้

การรับรู้รายได้ทั้งทางบัญชี และ ทางภาษี รับรู้ที่จุดเดียวกันคือ จุดที่ตกลงกันระหว่างผู้ขาย และ ผู้ซื้อว่าจะโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อ   (Point of Delivery and Transfer of Risk) ซึ่งมักจะยึดตามIncoTerm ตกลงซื้อขายกันตาม  เงื่อนไขตัวอย่างเช่น  ขายด้วยเงื่อนไข  CIF ให้รับรู้รายได้ และต้นทุน ณ วันที่สินค้าวางบนเรือที่ท่าเรือต้นทาง (on board the vessel) ณ ท่าเรื่อประเทศไทย(ซึ่งคือ สถานะ Status 0409 เป็นวันส่งออกสินค้า Goods Load   ในใบขนนั่นเอง)

การพิจารณาจุดส่งมอบแต่ละเงื่อนไขใน Incoterm ให้ดูที่ครื่องหมาย ! ตามภาพ  คือจุดโอนความเสี่ยงของสินค้า

ขอบคุณภาพจากhttps://www.smartfreight.co.th/incoterms/


  
จุดรับผิดทางภาษีมูลค่าเพิ่ม(การนำส่งภาษีขาย) Tax Point

ความรับผิดในการส่งออกสินค้า ตามมาตรา 78 (4)(ก)  สำหรับสินค้าที่ไม่ต้องชำระอากรให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออก ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร   ดังนั้นวันที่ที่จะต้องระบุในรายงานภาษี คือวันที่ในใบขนสินค้า Status 0209 (ตามตัวอย่างด้านล่างที่เทสีชมพู)ไม่ใช่Status 0409  ที่


 



 


  มาตรา78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

    (4) การขายสินค้าโดยส่งออกให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
   
(ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก แล้วแต่กรณี ก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร


มาตรา80/1   ให้ใช้อัตราภาษีร้อยละ 0 ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
       (1) การส่งออกสินค้าที่มิใช่การส่งออกสินค้าซึ่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 81(3)


  
อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

บริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ยื่นแบบภ.พ.30 โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนผิดวัน

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 19/02/2024 - วันที่ตอบ 16/03/2024

ประเภทภาษี

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 78 (4)(ก), มาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร , คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548

ปุจฉา

ขอสอบถามเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.30 เนื่องจากบริษัทฯ มีขายต่างประเทศ ยื่นภาษีขายในอัตรา 0% ใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารพาณิชย์ แต่ทางบริษัทฯ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนผิดวัน ไปใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามวันที่ในใบขนขาออก status 04 ถ้าในกรณีนี้จะต้องยื่น ภ.พ.30 ใหม่ไหม และต้องเสียค่าปรับแบบไหมค่ะ มีข้อกฎหมายใดบ้างค่ะ

วิสัชนา

1.ตามมาตรา 78 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้าโดยส่งออกในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออกแล้วแต่กรณี เกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ดังนี้

    “มาตรา 78 ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

         (4) การขายสินค้าโดยส่งออกให้ความรับผิดเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

              (ก) การส่งออกนอกจากที่ระบุใน (ข) หรือ (ค) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออก หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออกแล้วแต่กรณีก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

              (ข) การส่งออกในกรณีที่นำสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากรตามมาตรา 77/1 (14)(ก) ให้ความรับผิดเกิดขึ้นในวันที่นำสินค้าในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตดังกล่าว

              (ค) การส่งออกซึ่งสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ความรับผิดเกิดขึ้นพร้อมกับความรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร” 


   
2.ตามมาตรา 79/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออกโดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าซึ่งได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ ดังนี้

    “มาตรา 79/1 ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการในกิจการเฉพาะอย่าง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

         (1) ฐานภาษีสำหรับการขายสินค้าโดยการส่งออก ได้แก่ มูลค่าของสินค้าส่งออกโดยให้ใช้ราคา เอฟ.โอ.บี. ของสินค้าบวกด้วยภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดในมาตรา 77/1 (19) และภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาแต่ทั้งนี้ไม่ให้รวมอากรขาออก

         ราคา เอฟ.โอ.บี. ได้แก่ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากรส่งออกโดยไม่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งจากด่านศุลกากรส่งออกไปต่างประเทศ”  


  
3. ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.132/2548เรื่อง การคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยตามมาตรา 9 มาตรา 65 ทวิ (5) มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 79/4 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2548

    “ข้อ 3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับมาหรือจ่ายไปซึ่งเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สิน ซึ่งมีค่าหรือราคาเป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวคำนวณค่าหรือราคาของเงินตรา ทรัพย์สิน หรือหนี้สินเป็นเงินตราไทยตามราคาตลาดในวันที่รับมาหรือจ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (5) วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

         ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการบันทึกบัญชี ณ วันที่เกิดรายการทรัพย์สิน หรือหนี้สินหมายถึง

         (1) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อหรืออัตราขาย)หรือ

         (2) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในแต่ละวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยหรืออัตราขายถัวเฉลี่ย)

         ราคาตลาดตามวรรคหนึ่ง กรณีการได้รับเงินหรือจ่ายเงินเป็นเงินตราต่างประเทศ หมายถึง อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นจริงในทางปฏิบัติจากการนำเงินสกุลบาทไปแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ หรือเกิดจากการนำเงินสกุลต่างประเทศไปแลกเป็นเงินสกุลบาท” 

         ตัวอย่าง

         (2) บริษัท ข จำกัด  ประกอบกิจการขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้แก่บริษัทในต่างประเทศ โดยตกลงราคาสินค้าเป็นหน่วยเงินตราต่างประเทศ บริษัท ข จำกัดดำเนินการส่งออกสินค้าและบันทึกบัญชีในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2548 บริษัท ข จำกัด มีสิทธิใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการบันทึกบัญชีเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลดังนี้                             

              (2/1) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (อัตราซื้อ) ของธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประกาศไว้ในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2548 หรือ

              (2/2) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวัน (อัตราซื้อถัวเฉลี่ยซึ่งจะเป็น SIGHT หรือ T/T ก็ได้) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้ ณ วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2548 ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของเงินสกุลต่าง ๆ ณ สิ้นวันทำการประจำวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2548 เนื่องจากวันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2548 เป็นวันหยุดราชการ” 


ต่อข้อถาม ขอเรียนว่า

    กรณีบริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ได้ยื่นแบบ ภ.พ.30 แสดงภาษีขายอัตรา 0% ในแบบ ภ.พ.30 โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารพาณิชย์ ตามวันที่ในใบขนขาออก status 0409 นั้น ต่อไปให้ใช้วันที่ในใบขนสินค้าขาออก Status 0209 ซึ่งได้แก่ วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ให้ถูกต้อง เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีเป็นอัตรา 0% บริษัทฯ จึงไม่ต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับ ตามมาตรา 89 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด


  

ขอขอบคุณข้อมูลจากFB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆ มาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ  คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตามFB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์


 
หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง


หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ