Case study

บริษัทจ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พัก ให้พนักงานของบริษัทต่างประเทศ Expat Dispatch(ผู้ให้บริการ) ต้องหัก ณ ที่จ่าย เเละต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่


เรื่อง บริษัทจ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พัก ให้พนักงานของบริษัทต่างประเทศ Expat Dispatch(ผู้ให้บริการ) ต้องหัก ณ ที่จ่าย เเละต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 27/12/2023
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัท ก  ว่าจ้าง บริษัท A (ประเทศญี่ปุ่น)  ในการให้ความรู้ ข้อมูลที่เกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม  

- บริษัท A ได้ส่งพนักงานของตนเข้ามาให้ความรู้ในประเทศไทย    

- บริษัท ก  จ่ายเงินค่าจ้าง ภายใต้สัญญาบริการ 1,000,000  JPY  

- บริษัท ก  จ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พัก ให้กับพนักงานของบริษัท A โดยตรง


คำถาม : เมื่อ บริษัท ก  จ่ายค่าเดินทาง ค่าที่พัก ให้กับพนักงานของบริษัท A   จะถือว่าเป็นการจ่ายภายใต้สัญญาบริการหรือไม่   บริษัท ก  ต้องนำส่ง ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.54) เเละ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) หรือไม่ 

คำตอบ

ตอบ    บริษัท ก ใช้บริการบริษัท A.  โดยหลักบริษัท A.  มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบค่าเดินทาง เเละ ค่าที่พักของพนักงานของบริษัทตนเอง  แต่ถ้าบริษัท A.  ไม่รับผิดชอบ แต่ให้บริษัทไทยรับผิดชอบ ในส่วนนี้ ถือเป็นรายได้ส่วนเพิ่มของ บริษัท A.   บริษัท ก จึงต้องรวม ค่าเดินทาง  ค่าที่พัก เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาใช้บริการกับบริษัท A ด้วย  ดังนั้น ถ้าค่าบริการนั้นเข้าข่ายเป็นค่าสิทธิ์  ค่าใช้จ่ายในเดินทาง ค่าที่พัก นั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นส่วนนึงของค่าสิทธิ  


1.  บริษัท จึงต้องนำค่าเดินทางมาเป็นฐานในการนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย(ภ.ง.ด.54 ) ตามมาตรา 70  ประกอบกับอนุสัญญาภาษีซ้อน   ไทย-ญี่ปุ่น ข้อ 12  = 15%

2. นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36)  ตามมาตรา 83/6(1)  ในเดือนที่มีการจ่ายค่าเดินทาง


มาตรา 83/6   เมื่อมีการชำระราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี
  
    (1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3
      “(2) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรทั้งนี้ เฉพาะ
(ก) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
         (ข) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการอื่นนอกจากบริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ทุกราย”


 
มาตรา 70 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)(3) (4) (5) หรือ (6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษี โดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแล้วนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการตามแบบที่อธิบดีกำหนดภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมินนั้น ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 54 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

บัญชีอัตราภาษีเงินได้

" (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

   "(ข) ภาษีตามมาตรา 70 นอกจากที่ระบุใน (ค)                    ร้อยละ 15




เรื่อง

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการจ่ายเงินไปต่างประเทศ

แหล่งที่มา

ข้อหารือ กรมสรรพากร

วันที่

20/06/2008

เลขที่หนังสือ

กค 0702/3440

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ข้อกฎหมาย

มาตรา 76 ทวิ มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 18) มาตรา 85/3 มาตรา 77/2(1) และ มาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

     1. บริษัทฯ เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย บริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่มีสาขาหรือสถานประกอบการ ในประเทศไทย (บริษัทต่างประเทศ) เข้ามาดำเนินการซ่อม ปรับจูน บำรุงรักษา ตรวจสอบสมรรถนะ อุปกรณ์ เครื่องจักร ให้ใช้งานได้ตามปกติในประเทศไทย
      2. บริษัทต่างประเทศจะส่งพนักงานเข้ามาดำเนินการดังกล่าว โดยมิได้ให้ข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ ทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งบริษัทต่างประเทศมีสิทธิหวงกัน โดยจะใช้เวลาดำเนินการ ในประเทศรวมกันไม่เกิน 60 วัน ในแต่ละปีภาษี เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จบริษัทต่างประเทศจะส่งใบแจ้งหนี้เพื่อเรียก เก็บเงิน ได้แก่ ค่าบริการซ่อม ค่าปรับจูน ค่าบำรุงรักษา ค่าตรวจสอบสมรรถนะ อุปกรณ์ เครื่องจักร 
และค่าโดยสาร เครื่องบิน ค่าเดินทาง ค่าโรงแรมที่พักของพนักงานที่เข้ามาให้บริการ
 
     3. บริษัทฯ ขอหารือว่า ความเข้าใจของบริษัทฯ ถูกต้องหรือไม่ ดังนี้
3.1 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีดังกล่าวถือได้ว่า ผู้ให้บริการประกอบกิจการในประเทศไทยโดยมี ลูกจ้างหรือผู้ทำการแทนหรือผู้ติดต่อในการประกอบกิจการในประเทศไทยตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร อย่างไรก็ดี เงินได้ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ และ ผู้ให้บริการไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย ตามข้อ 5 และข้อ 7 แห่งอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนกับประเทศสิงคโปร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น ผู้ให้บริการ จึงได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยตามข้อ 7 แห่งอนุสัญญาฯ ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 เมื่อบริษัทฯ จ่ายเงินได้ดังกล่าวออกไป จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินนำส่งแต่อย่างใด
        3.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้เข้ามาให้บริการในราชอาณาจักร เป็นครั้งคราว โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3 แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ใน บังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าบริการ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ให้กับบริษัทต่างประเทศ มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสีย โดยยื่นแบบนำส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.36 จากเงินที่จ่ายไป ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึง ประเมินให้แก่บริษัทต่างประเทศ ตามมาตรา 83/6 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

แนววินิจฉัย

     1. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย กรณีบริษัทต่างประเทศส่งพนักงานเข้ามาดำเนินการซ่อม ปรับจูน บำรุงรักษา ตรวจสอบสมรรถนะ อุปกรณ์ เครื่องจักร ในประเทศไทย ถือได้ว่า บริษัทต่างประเทศ ประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีลูกจ้างในการประกอบกิจการในประเทศไทยตามมาตรา 76 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ในกรณีนี้ เข้าลักษณะเป็นกำไรจากธุรกิจ หากพนักงานของบริษัทต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยมีระยะเวลารวมกันไม่ เกินกว่า 183 วัน ยังถือไม่ได้ว่า บริษัทต่างประเทศมีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทย จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยจากค่าบริการที่ได้รับ ตามข้อ 5 และข้อ 7 แห่งอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บ ภาษีซ้อนกับประเทศสิงคโปร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2505 ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ จ่าย เงินได้ดังกล่าวออกไป จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่อย่างใด
      2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม การให้บริการดังกล่าว เข้าลักษณะกรณีบริษัทต่างประเทศได้เข้ามาให้บริการใน ราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว โดยไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3 แห่งประมวล รัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าบริการ 
ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ให้กับบริษัทต่างประเทศมีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทต่างประเทศมีหน้าที่ต้องเสีย โดย ยื่นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.36 จากเงินที่จ่ายไป ณ ที่ว่าการอำเภอภายในเจ็ดวันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือน ที่จ่ายเงินได้ พึงประเมินให้แก่บริษัทต่างประเทศ ตามมาตรา 83/6 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

71/35956




เรื่อง

บริษัทฯ จ่ายค่าจ้างช่างจากประเทศจีนเข้ามาซ่อมแซมเครื่องจักรในประเทศไทย

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 29/10/2017 - วันที่ตอบ 31/10/2017

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย,ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 70, มาตรา 83/6 (2) แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

เนื่องด้วยทางบริษัทฯ ได้มีการว่าจ้างช่างจากบริษัทจากประเทศจีนเข้ามาซ่อมแซมเครื่องจักรในประเทศไทย และโอนเงินค่าบริการดังกล่าวที่เกิดขึ้นไปยังประเทศจีน ขอสอบถามอาจารย์ว่า
      1. กรณีดังกล่าวทาง
บริษัทฯ ในไทยต้องหัก ภาษี ณ ที่จ่าย และ นำส่งแบบ ภพ.36 หรือไม่ และอนุสัญญาภาษีซ้อนมีผลต่อกรณีนี้หรือไม่คะ
      2. กรณีถ้าต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่บริษัททางจีนไม่ย่อมให้หัก
กรณีนี้ดิฉันต้องปฏิบัติอย่างไรคะ

วิสัชนา

กรณีบริษัทฯ ได้มีการว่าจ้างช่างจากบริษัทจากประเทศจีนเข้ามาซ่อมแซมเครื่องจักรในประเทศไทย และโอนเงินค่าบริการดังกล่าวที่เกิดขึ้นไปยังประเทศจีน นั้น
 1. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม
      บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% ของค่าจ้างซ่อมรวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จ่ายให้แก่บริษัทผู้รับจ้างหรือตัวแทนของบริษัทผู้รับจ้าง 
อาทิ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ทั้งนี้ ตามแบบ ภ.พ.36 ตามมาตรา 83/6 (2) แห่งประมวลรัษฎากร
 

 
2. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล
      เนื่องจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีนมีอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างกัน เป็นผลให้บริษัทแห่งประเทศจีนที่ไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย เพราะค่าจ้างซ่อมเครื่องจักรเข้าลักษณะเป็น “กำไรจากธุรกิจ” ต่อกรณีนี้ บริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร (ตามแบบ ภ.ง.ด.54) แต่อย่างใด บริษัทแห่งประเทศจีนกล่าวถูกต้องแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"

 

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ