 | เรียนแจ้งสมาชิก : ทีมที่ปรึกษาภาษีของ TAX-EZ Website ตอบคำถามเกี่ยวกับกฏหมายสรรพากร (ประมวลรัษฎากร) เป็นหลัก ส่วนกฏหมายอื่นๆ รวมทั้งการบันทึกบัญชีตามมาตรฐาน ทางเราสามารถตอบได้เบื้องต้น อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้ปรึกษาผู้สอบบัญชีที่ดูแลบริษัทของท่านโดยตรงด้วยนะคะ |
คำตอบ อ้างถึง ข้อ 10.35 ของ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 10 เรื่อง สินทรัพย์ถาวร (TAS 10) “...หากกิจการพบว่าลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับจากสินทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญ กิจการต้องเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา เพื่อสะท้อนถึงลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป” คำอธิบาย: "วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป" (Prospective Application)หมายถึง การเปลี่ยนแปลงจะไม่มีการย้อนกลับไปแก้ไขผลกระทบในอดีต แต่จะนำไปใช้กับงวดปัจจุบันและงวดในอนาคต โดยไม่ต้องปรับย้อนหลัง ขั้นตอนในการเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา1. ประเมินว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การใช้งานสินทรัพย์เปลี่ยนจากใช้งานหนักเป็นใช้งานน้อยลง หรือจากการใช้งานทั่วไปเป็นการใช้งานเฉพาะกิจ 2. พิจารณาวิธีคิดค่าเสื่อมราคาที่เหมาะสมใหม่ เช่น จากวิธีเส้นตรง (Straight-line) เปลี่ยนเป็นวิธีตามจำนวนผลผลิต (Units of production) เป็นต้น 3. คำนวณมูลค่าตามบัญชีสุทธิของสินทรัพย์ ณ วันที่เปลี่ยนแปลง คำนวณค่าเสื่อมราคาสะสมจนถึงวันเปลี่ยน หักจาก ราคาทุนของสินทรัพย์ = ได้ “มูลค่าตามบัญชีสุทธิ” (Net Book Value) 4. คำนวณค่าเสื่อมราคาตั้งแต่วันเปลี่ยนแปลงจนถึงสิ้นอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ โดยใช้ “วิธีใหม่” กับ “ยอดมูลค่าตามบัญชีสุทธิ” 5. เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดค่าเสื่อมราคา และให้ระบุเหตุผลและผลกระทบทางบัญชีที่เกิดขึ้น ไม่ต้องคำนวณย้อนหลัง ให้คำนวณไปข้างหน้า โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไปตัวอย่าง สินทรัพย์: เครื่องจักร ราคา 1,000,000 บาท- อายุการใช้งาน: 10 ปี
- วิธีเดิม: เส้นตรง
- ใช้มาแล้ว 4 ปี → ค่าเสื่อมสะสม 400,000
- มูลค่าตามบัญชีสุทธิ ณ วันเปลี่ยน: 600,000
- เปลี่ยนเป็นวิธีตามหน่วยผลผลิต (Unit of production)
หากคาดว่าจะใช้ได้อีก 6 ปี และผลิตได้รวม 120,000 หน่วย → คิดค่าเสื่อมเป็น 600,000 ÷ 120,000 = 5 บาทต่อหน่วย
ตัวอย่าง บันทึกข้อความ (Memo)เรื่อง: การเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ถาวร เรียน: คณะผู้บริหาร / ฝ่ายบัญชีและการเงิน จาก: ฝ่ายบัญชี วันที่: [ระบุวันที่] 1. วัตถุประสงค์เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ถาวรบางรายการให้สอดคล้องกับลักษณะและรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่กิจการคาดว่าจะได้รับในอนาคต ตามที่กำหนดไว้ใน มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 10 ข้อ 10.35 2. รายละเอียดของสินทรัพย์- รายการ: [ระบุชื่อสินทรัพย์ เช่น เครื่องจักรผลิตสินค้า A]
- ราคาทุน: [ระบุจำนวน เช่น 1,000,000 บาท]
- วันที่เริ่มใช้งาน: [ระบุวันที่]
- วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาเดิม: เส้นตรง (Straight-line)
- อายุการใช้งานโดยประมาณ: [เช่น 10 ปี]
- ค่าเสื่อมราคาสะสมถึงวันที่เปลี่ยนแปลง: [ระบุจำนวน]
- มูลค่าตามบัญชีสุทธิ ณ วันที่เปลี่ยน: [ระบุจำนวน]
3. เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงฝ่ายจัดการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ลักษณะของการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างมีสาระสำคัญ กล่าวคือ [ยกตัวอย่าง เช่น จากการใช้งานตามระยะเวลาคงที่ เปลี่ยนเป็นการใช้งานตามจำนวนผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง] จึงเห็นสมควรเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาให้สะท้อนถึงรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป 4. วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาใหม่- วิธีใหม่: [เช่น ตามจำนวนหน่วยผลผลิต (Units of Production)]
- จำนวนผลผลิตคาดว่าจะใช้ได้ในอนาคต: [ระบุจำนวน เช่น 120,000 หน่วย]
- อัตราค่าเสื่อมราคาใหม่: [ระบุ เช่น 5 บาทต่อหน่วย]
- วันที่เริ่มใช้วิธีใหม่: [ระบุวันที่เริ่ม]
- การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลง “ประมาณการทางบัญชี” ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 ข้อ 36 ซึ่งกิจการรับรู้ผลกระทบแบบ “prospective” (ใช้ในอนาคตโดยไม่ย้อนกลับไปแก้ไขผลทางบัญชีในอดีต)
5. ผลกระทบทางบัญชีการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อรายการทางบัญชีที่ได้บันทึกไว้ก่อนหน้า และจะนำวิธีใหม่มาใช้กับมูลค่าตามบัญชีสุทธิของสินทรัพย์ ณ วันที่เปลี่ยนแปลง จนสิ้นอายุการใช้งานที่เหลือ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาดังกล่าว ลงชื่อ .............................................. (ผู้จัดทำ) ฝ่ายบัญชี ลงชื่อ .............................................. (ผู้อนุมัติ) [กรรมการผู้จัดการ / ผู้มีอำนาจอนุมัติ]
อ้างอิงวิธีการและตัวอย่างการคำนวณและการเปิดเผยข้อมูล
ทางภาษีเงินได้นิติบุคคล
อย่างไรในทางบัญชีบริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีได้ตามนโยบายของบริษัทฯ แต่ให้พิจารณาผลกระทบกับทางภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วยว่าส่งผลต่อการคำนวณค่าเสื่อมราคาในทางภาษีหรือไม่ กรณีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรดังกล่าว ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใดแล้ว ให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527
มาตรา 65 ทวิการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 2) ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 ม.ค. 2526 เป็นต้นไป ) ( ดูพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527 )
พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527
มาตรา 3 ในการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใด แล้วให้ใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใด แล้วให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่ จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายและให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น |
https://www.rd.go.th/3618.html คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 3/2527 เรื่องการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน --------------------------------------------- เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฎบัติ สำหรับการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 กรมสรรพากรจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ตามพระราชกฤษฎีกาฯ(ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527 ให้ใช้บังคับสำหรับทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้มาในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงก่อนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2527 ให้ยังคงหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินนั้นตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2509 ต่อไป ข้อ 2 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ไม่เกินอัตราร้อยละของมูลค่าต้นทุนตามประเภทของทรัพย์สินที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527 แต่ถ้าตามวิธีการทางบัญชี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้อยู่หักต่ำกว่าอัตราดังกล่าวก็ให้หักเพียงเท่าอัตราตามวิธีการทางบัญชี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้อยู่นั้น จะเปลี่ยนแปลงได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงได้ ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น
|
อ้างอิงคำตอบ
เรื่อง | การเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานสินทรัพย์ | แหล่งที่มา | Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ | วันที่ | วันที่ถาม 21/02/2023 - วันที่ตอบ 10/03/2023 | ประเภทภาษี | ภาษีเงินได้นิติบุคคล | ข้อกฎหมาย | คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.3/2527, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 | ปุจฉา | รบกวนขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานสินทรัพย์ค่ะ จากข้อหารือสรรพากรเลขที่หนังสือ กค 0702/3266 วันที่ 17 เมษายน 2556 และคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 3/2527 หนูมีเคสของบริษัทลูกค้าที่คล้ายกันขอเรียนปรึกษาอาจารย์ดังนี้ค่ะ บริษัทฯ ได้ทำการต่อเติมปรับปรุงอาคารในราคา 10 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2561 และมีนโยบายคำนวนค่าเสื่อมราคาทางบัญชีด้วยวิธีเส้นตรงในอัตราร้อยละ 10 (ประมาณการอายุการใช้งาน 10 ปี) ดังนั้นค่าเสื่อมราคาจึงบันทึกทางบัญชีไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อปี และบริษัทได้ทำการบวกกลับเพื่อคำนวณกำไรสุทธิในการเสียภาษีจำนวน 500,000 บาทต่อปี (ร้อยละ 5 ของ 10 ล้านบาท) ต่อมาต้นปี 2565 บริษัทฯ ทำการประเมินสินทรัพย์ใหม่และเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานของส่วนปรับปรุงอาคารต่อไปอีก 20 ปี (นับรวมกับที่ใช้งานมาแล้ว 4 ปี รวมเป็น 24 ปี) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป ทำให้ค่าเสื่อมราคาทางบัญชีสำหรับปี 2565 คำนวณได้เท่ากับ 400,000 บาท (NBV 8 ล้าน หารด้วยอายุการใช้งานใหม่คงเหลือ 20 ปี) โดยบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้กับกรมสรรพากร เนื่องจากไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานทางภาษีโดยยังคิดค่าเสื่อมราคาทางภาษีในอัตราเดิมที่ร้อยละ 5 ของต้นทุนเดิม 10 ล้านบาทหรือ 500,000 บาทต่อปี คำถามค่ะ 1.บริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนอัตราค่าเสื่อมราคาทางภาษีให้สอดคล้องกับทางบัญชีตามข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.3/2527 หรือไม่ 2. จากข้อหารือเลขที่ กค 0702/3266 ซึ่งเป็นกรณีที่คล้ายคลึงกัน ถ้าบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้กับกรมสรรพากร เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนอัตราการคำนวนทางภาษีให้เหมือนกันทางบัญชีจะมีความผิดหรือมีผลกับเบี้ยปรับเงินเพิ่มทางกฏหมายเมื่อเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจพบหรือไม่ 3. เนื่องจากค่าเสื่อมราคาทางภาษีสำหรับปี 2565 สูงกว่าทางบัญชีอยู่ 100,000 บาท (ภาษี 500,000 - บัญชี 400,000) บริษัทสามารถนำยอด 100,000 บาท ไปหักออกจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้หรือไม่ | วิสัชนา | 1. กรณีบริษัทฯ ได้ทำการต่อเติมปรับปรุงอาคารในราคา 10 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2561 และมีนโยบายคำนวนค่าเสื่อมราคาทางบัญชีด้วยวิธีเส้นตรงในอัตราร้อยละ 10 (ประมาณการอายุการใช้งาน 10 ปี) ดังนั้นค่าเสื่อมราคาจึงบันทึกทางบัญชีไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อปี และบริษัทได้ทำการบวกกลับเพื่อคำนวณกำไรสุทธิในการเสียภาษีจำนวน 500,000 บาทต่อปี (ร้อยละ 5 ของ 10 ล้านบาท) นั้น เช่นนี้ ในทางภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับบริษัทฯ ได้คำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตรา 5% ของมูลค่าต้นทุนส่วนต่อเติมปรับปรุงอาคาร บริษัทฯ จึงย่อมได้สิทธิคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาส่วนต่อเติมปรับปรุงอาคาร ในทางภาษีอากรเป็นเวลา 20 ปี 2.ต่อมาในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2565 บริษัทฯ ทำการประเมินสินทรัพย์ใหม่และเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานของส่วนปรับปรุงอาคารต่อไปอีก 20 ปี (นับรวมกับที่ใช้งานมาแล้ว 4 ปี รวมเป็น 24 ปี) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป ทำให้ค่าเสื่อมราคาทางบัญชีสำหรับปี 2565 คำนวณได้เท่ากับ 400,000 บาท (NBV 8 ล้าน หารด้วยอายุการใช้งานใหม่คงเหลือ 20 ปี) โดยบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้กับกรมสรรพากร เนื่องจากไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานทางภาษีโดยยังคิดค่าเสื่อมราคาทางภาษีในอัตราเดิมที่ร้อยละ 5 ของต้นทุนเดิม 10 ล้านบาทหรือ 500,000 บาทต่อปี นั้น บริษัทฯ มีสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ โดยระยะเวลาในการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางบัญชีและทางภาษีอากร แตกต่างกันไปตามนโยบายบัญชีของบริษัทฯ ดังกล่าว (1) บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่แจ้งต้องเปลี่ยนอัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางภาษีให้สอดคล้องกับทางบัญชีตามข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.3/2527 แต่อย่างใด เพราะบริษัทฯ ได้เลือกใช้อัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตรา 5% ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 แล้ว (2) กรณีตามข้อเท็จริงข้างต้น กับแนวคำตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/3266 ลงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 นั้น เป็นกรณีที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ตามข้อเท็จจริง วิธีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางบัญชีกับทางภาษีแตกต่างกันในตอนเริ่มต้นใช้ทรัพย์สิน แต่ตามแนวคำตอบข้อหารือ วิธีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางบัญชีกับทางภาษีเป็นวิธีการเดียวกันในตอนเริ่มต้นใช้ทรัพย์สิน ดังนั้น กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้นบริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา แต่อย่างใด เพียงแต่ (1) บริษัทฯ ต้องเปิดเผยวิธีการคำนวณค่าสีกหรอและค่าเสื่อมราคาไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน (2) บริษัทฯ พึงต้องมีกระดาษทำการแสดงรายละเอียดในการคำนวณหักสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทั้งในทางบัญชีและทางภาษีอากร ตลอดอายุการใช้งาน พร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบได้ทันที เป็นกรณีที่ไม่มีความเสี่ยงทางภาษีอากรที่มีผลกับเบี้ยปรับเงินเพิ่มทางกฏหมายเมื่อเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจพบ แต่อย่างใด 3. เนื่องจากค่าเสื่อมราคาทางภาษีสำหรับปี 2565 สูงกว่าทางบัญชีอยู่ 100,000 บาท (ภาษี 500,000 - บัญชี 400,000) บริษัทสามารถนำยอด 100,000 บาทไปหักออกจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ ตลอดไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์" |
เลขที่หนังสือ | : กค 0702/3266 | วันที่ | : 17 เมษายน 2556 | เรื่อง | : ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการหักค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักร | ข้อกฎหมาย | : มาตรา 65 ทวิ (2) ประกอบมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) | ข้อหารือ | บริษัทลูกค้าของสำนักงานงานนำเครื่องจักรมาใช้ในโรงงานตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2549 ซึ่งบริษัทลูกค้าได้คำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรในทางบัญชีและภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุน ต่อมาในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี 2551 วิศวกรเครื่องจักรได้ประเมินอายุการใช้งานของเครื่องจักรว่า ควรมีอายุการใช้งานถึง 10 ปี บริษัทลูกค้าจึงต้องเปลี่ยนอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในทางบัญชีเสียใหม่เป็นอัตราร้อยละ 10 เพื่อให้สอดคล้อง กับสภาพการใช้งานของเครื่องจักรสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2551 และรอบระยะเวลาบัญชีปีต่อไป แต่ในทางภาษี บริษัทลูกค้ายังคงใช้วิธีคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรอัตราร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุนเหมือนเดิม บริษัทลูกค้าจะใช้วิธีคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรในอัตราร้อยละ 10 ในทางบัญชีโดยไม่ต้องขออนุมัติอธิบดีกรมสรรพากรได้หรือไม่ | แนววินิจฉัย | กรณีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรดังกล่าว ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใดแล้ว ให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ดังนั้น เมื่อบริษัทลูกค้าได้เลือกใช้วิธีคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรในอัตราร้อยละ 20 บริษัทลูกค้าจึงต้องใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป อย่างไรก็ดี หากบริษัทลูกค้ามีความประสงค์จะเปลี่ยนอัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากอัตราร้อยละ 20 เป็นอัตราร้อยละ 10 ก็กระทำได้โดยยื่นคำขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรและเมื่อได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่อธิบดีกรมสรรพากรมอบหมายแล้วให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น | เลขตู้ | : 76/38558 |
|