Case study

วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา กรณีต้องการเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา


เรื่อง วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา กรณีต้องการเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 07/07/2025
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ข้อกฎหมาย
คำถาม

ตามมาตราฐานการบัญชี เกี่ยวกับวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา ข้อ 10.35 กิจการต้องทบทวนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์อย่างสม่าเสมอ หากกิจการพบว่าลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตจากสินทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสาคัญ กิจการต้องเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา เพื่อสะท้อนถึงลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปโดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป 

อยากทราบว่า วิธีเปลี่ยนทันที ตามมาตราฐานในข้อนี้ต้องทำอย่างไร และหากวิธีเปลี่ยนต้องคำนวณย้อนหลัง หรือคำนวณไปข้างหน้า และมีวิธีการอย่างไร

คำตอบ


 

เรียนแจ้งสมาชิก :  ทีมที่ปรึกษาภาษีของ TAX-EZ Website ตอบคำถามเกี่ยวกับกฏหมายสรรพากร (ประมวลรัษฎากร) เป็นหลัก ส่วนกฏหมายอื่นๆ รวมทั้งการบันทึกบัญชีตามมาตรฐาน ทางเราสามารถตอบได้เบื้องต้น  อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้ปรึกษาผู้สอบบัญชีที่ดูแลบริษัทของท่านโดยตรงด้วยนะคะ



คำตอบ

อ้างถึง ข้อ 10.35 ของ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 10 เรื่อง สินทรัพย์ถาวร (TAS 10) 

“...หากกิจการพบว่าลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับจากสินทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญ กิจการต้องเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา เพื่อสะท้อนถึงลักษณะรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป

คำอธิบาย: "วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป" (Prospective Application)

หมายถึง การเปลี่ยนแปลงจะไม่มีการย้อนกลับไปแก้ไขผลกระทบในอดีต แต่จะนำไปใช้กับงวดปัจจุบันและงวดในอนาคต โดยไม่ต้องปรับย้อนหลัง

ขั้นตอนในการเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา

1. ประเมินว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
 เช่น การใช้งานสินทรัพย์เปลี่ยนจากใช้งานหนักเป็นใช้งานน้อยลง หรือจากการใช้งานทั่วไปเป็นการใช้งานเฉพาะกิจ

2. พิจารณาวิธีคิดค่าเสื่อมราคาที่เหมาะสมใหม่
 เช่น จากวิธีเส้นตรง (Straight-line) เปลี่ยนเป็นวิธีตามจำนวนผลผลิต (Units of production) เป็นต้น

3. คำนวณมูลค่าตามบัญชีสุทธิของสินทรัพย์ ณ วันที่เปลี่ยนแปลง

  คำนวณค่าเสื่อมราคาสะสมจนถึงวันเปลี่ยน    หักจาก   ราคาทุนของสินทรัพย์     = ได้ “มูลค่าตามบัญชีสุทธิ” (Net Book Value)

4. คำนวณค่าเสื่อมราคาตั้งแต่วันเปลี่ยนแปลงจนถึงสิ้นอายุการใช้งานที่เหลืออยู่
 โดยใช้ “วิธีใหม่” กับ “ยอดมูลค่าตามบัญชีสุทธิ”

5. เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
 ว่ามีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดค่าเสื่อมราคา และให้ระบุเหตุผลและผลกระทบทางบัญชีที่เกิดขึ้น

ไม่ต้องคำนวณย้อนหลัง ให้คำนวณไปข้างหน้า โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป

ตัวอย่าง 

สินทรัพย์: เครื่องจักร ราคา 1,000,000 บาท

  • อายุการใช้งาน: 10 ปี
  • วิธีเดิม: เส้นตรง
  • ใช้มาแล้ว 4 ปี → ค่าเสื่อมสะสม 400,000
  • มูลค่าตามบัญชีสุทธิ ณ วันเปลี่ยน: 600,000
  • เปลี่ยนเป็นวิธีตามหน่วยผลผลิต (Unit of production)

หากคาดว่าจะใช้ได้อีก 6 ปี และผลิตได้รวม 120,000 หน่วย
 → คิดค่าเสื่อมเป็น 600,000 ÷ 120,000 = 5 บาทต่อหน่วย


ตัวอย่าง บันทึกข้อความ (Memo)

เรื่อง: การเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ถาวร
 เรียน: คณะผู้บริหาร / ฝ่ายบัญชีและการเงิน
 จาก: ฝ่ายบัญชี
 วันที่: [ระบุวันที่]

1. วัตถุประสงค์

เพื่อแจ้งการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ถาวรบางรายการให้สอดคล้องกับลักษณะและรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่กิจการคาดว่าจะได้รับในอนาคต ตามที่กำหนดไว้ใน มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 10 ข้อ 10.35

2. รายละเอียดของสินทรัพย์

  • รายการ: [ระบุชื่อสินทรัพย์ เช่น เครื่องจักรผลิตสินค้า A]
  • ราคาทุน: [ระบุจำนวน เช่น 1,000,000 บาท]
  • วันที่เริ่มใช้งาน: [ระบุวันที่]
  • วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาเดิม: เส้นตรง (Straight-line)
  • อายุการใช้งานโดยประมาณ: [เช่น 10 ปี]
  • ค่าเสื่อมราคาสะสมถึงวันที่เปลี่ยนแปลง: [ระบุจำนวน]
  • มูลค่าตามบัญชีสุทธิ ณ วันที่เปลี่ยน: [ระบุจำนวน]

3. เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง

ฝ่ายจัดการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ลักษณะของการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างมีสาระสำคัญ กล่าวคือ
 [ยกตัวอย่าง เช่น จากการใช้งานตามระยะเวลาคงที่ เปลี่ยนเป็นการใช้งานตามจำนวนผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง]
 จึงเห็นสมควรเปลี่ยนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาให้สะท้อนถึงรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป

4. วิธีการคิดค่าเสื่อมราคาใหม่

  • วิธีใหม่: [เช่น ตามจำนวนหน่วยผลผลิต (Units of Production)]
  • จำนวนผลผลิตคาดว่าจะใช้ได้ในอนาคต: [ระบุจำนวน เช่น 120,000 หน่วย]
  • อัตราค่าเสื่อมราคาใหม่: [ระบุ เช่น 5 บาทต่อหน่วย]
  • วันที่เริ่มใช้วิธีใหม่: [ระบุวันที่เริ่ม]
  • การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลง “ประมาณการทางบัญชี” ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 ข้อ 36 ซึ่งกิจการรับรู้ผลกระทบแบบ “prospective” (ใช้ในอนาคตโดยไม่ย้อนกลับไปแก้ไขผลทางบัญชีในอดีต)

5. ผลกระทบทางบัญชี

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อรายการทางบัญชีที่ได้บันทึกไว้ก่อนหน้า และจะนำวิธีใหม่มาใช้กับมูลค่าตามบัญชีสุทธิของสินทรัพย์ ณ วันที่เปลี่ยนแปลง จนสิ้นอายุการใช้งานที่เหลือ


จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดค่าเสื่อมราคาดังกล่าว

ลงชื่อ
..............................................
 (ผู้จัดทำ)
 ฝ่ายบัญชี

ลงชื่อ
..............................................
(ผู้อนุมัติ)
 [กรรมการผู้จัดการ / ผู้มีอำนาจอนุมัติ]


อ้างอิงวิธีการและตัวอย่างการคำนวณและการเปิดเผยข้อมูล


คู่มืออธิบายมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 8 เรื่อง นโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีและข้อผิดพลาด









ทางภาษีเงินได้นิติบุคคล


อย่างไรในทางบัญชีบริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชีได้ตามนโยบายของบริษัทฯ แต่ให้พิจารณาผลกระทบกับทางภาษีเงินได้นิติบุคคลด้วยว่าส่งผลต่อการคำนวณค่าเสื่อมราคาในทางภาษีหรือไม่ 

                                                                                                           

กรณีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรดังกล่าว ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใดแล้ว ให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 


มาตรา 65 ทวิการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

       2) ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
             ( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 ม.ค. 2526 เป็นต้นไป )
             ( 
ดูพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527 )


พระราชกฤษฎีกา
 ออกตามความในประมวลรัษฎากร
 ว่าด้วยหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145)
 พ.ศ. 2527


    มาตรา ในการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใด แล้วให้ใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใด แล้วให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่ จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายและให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น


https://www.rd.go.th/3618.html

คำสั่งกรมสรรพากร

ที่ ป. 3/2527

เรื่องการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน

---------------------------------------------

                เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฎบัติ สำหรับการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 กรมสรรพากรจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

                ข้อ 1 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ตามพระราชกฤษฎีกาฯ(ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527 ให้ใช้บังคับสำหรับทรัพย์สินของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้มาในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527 เป็นต้นไป

                        การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วในรอบระยะเวลาบัญชีที่สิ้นสุดลงก่อนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2527 ให้ยังคงหักค่าสึกหรอ และค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินนั้นตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2509 ต่อไป

                ข้อ 2 การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ให้หักได้ไม่เกินอัตราร้อยละของมูลค่าต้นทุนตามประเภทของทรัพย์สินที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ.2527 แต่ถ้าตามวิธีการทางบัญชี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้อยู่หักต่ำกว่าอัตราดังกล่าวก็ให้หักเพียงเท่าอัตราตามวิธีการทางบัญชี ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้อยู่นั้น จะเปลี่ยนแปลงได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงได้ ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น




อ้างอิงคำตอบ


เรื่อง

การเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานสินทรัพย์

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 21/02/2023 - วันที่ตอบ 10/03/2023

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อกฎหมาย

คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.3/2527, พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527

ปุจฉา

รบกวนขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานสินทรัพย์ค่ะ

    จากข้อหารือสรรพากรเลขที่หนังสือ กค 0702/3266 วันที่ 17 เมษายน 2556 และคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 3/2527 หนูมีเคสของบริษัทลูกค้าที่คล้ายกันขอเรียนปรึกษาอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    บริษัทฯ ได้ทำการต่อเติมปรับปรุงอาคารในราคา 10 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2561 และมีนโยบายคำนวนค่าเสื่อมราคาทางบัญชีด้วยวิธีเส้นตรงในอัตราร้อยละ 10 (ประมาณการอายุการใช้งาน 10 ปี) ดังนั้นค่าเสื่อมราคาจึงบันทึกทางบัญชีไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อปี และบริษัทได้ทำการบวกกลับเพื่อคำนวณกำไรสุทธิในการเสียภาษีจำนวน 500,000 บาทต่อปี (ร้อยละ 5 ของ 10 ล้านบาท)

    ต่อมาต้นปี 2565 บริษัทฯ ทำการประเมินสินทรัพย์ใหม่และเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานของส่วนปรับปรุงอาคารต่อไปอีก 20 ปี (นับรวมกับที่ใช้งานมาแล้ว 4 ปี รวมเป็น 24 ปี) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป ทำให้ค่าเสื่อมราคาทางบัญชีสำหรับปี 2565 คำนวณได้เท่ากับ 400,000 บาท (NBV 8 ล้าน หารด้วยอายุการใช้งานใหม่คงเหลือ 20 ปี) โดยบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้กับกรมสรรพากร เนื่องจากไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานทางภาษีโดยยังคิดค่าเสื่อมราคาทางภาษีในอัตราเดิมที่ร้อยละ 5 ของต้นทุนเดิม 10 ล้านบาทหรือ 500,000 บาทต่อปี

คำถามค่ะ

    1.บริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนอัตราค่าเสื่อมราคาทางภาษีให้สอดคล้องกับทางบัญชีตามข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.3/2527 หรือไม่

    2. จากข้อหารือเลขที่ กค 0702/3266 ซึ่งเป็นกรณีที่คล้ายคลึงกัน ถ้าบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้กับกรมสรรพากร เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนอัตราการคำนวนทางภาษีให้เหมือนกันทางบัญชีจะมีความผิดหรือมีผลกับเบี้ยปรับเงินเพิ่มทางกฏหมายเมื่อเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจพบหรือไม่

    3. เนื่องจากค่าเสื่อมราคาทางภาษีสำหรับปี 2565 สูงกว่าทางบัญชีอยู่ 100,000 บาท (ภาษี 500,000 - บัญชี 400,000) บริษัทสามารถนำยอด 100,000 บาท ไปหักออกจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้หรือไม่

วิสัชนา

1. กรณีบริษัทฯ ได้ทำการต่อเติมปรับปรุงอาคารในราคา 10 ล้านบาท เมื่อต้นปี 2561 และมีนโยบายคำนวนค่าเสื่อมราคาทางบัญชีด้วยวิธีเส้นตรงในอัตราร้อยละ 10 (ประมาณการอายุการใช้งาน 10 ปี) ดังนั้นค่าเสื่อมราคาจึงบันทึกทางบัญชีไว้ที่ 1 ล้านบาทต่อปี และบริษัทได้ทำการบวกกลับเพื่อคำนวณกำไรสุทธิในการเสียภาษีจำนวน 500,000 บาทต่อปี (ร้อยละ 5 ของ 10 ล้านบาท) นั้น

    เช่นนี้ ในทางภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับบริษัทฯ ได้คำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตรา 5% ของมูลค่าต้นทุนส่วนต่อเติมปรับปรุงอาคาร บริษัทฯ จึงย่อมได้สิทธิคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาส่วนต่อเติมปรับปรุงอาคาร ในทางภาษีอากรเป็นเวลา 20 ปี

 

2.ต่อมาในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2565 บริษัทฯ ทำการประเมินสินทรัพย์ใหม่และเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานของส่วนปรับปรุงอาคารต่อไปอีก 20 ปี (นับรวมกับที่ใช้งานมาแล้ว 4 ปี รวมเป็น 24 ปี) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป ทำให้ค่าเสื่อมราคาทางบัญชีสำหรับปี 2565 คำนวณได้เท่ากับ 400,000 บาท (NBV 8 ล้าน หารด้วยอายุการใช้งานใหม่คงเหลือ 20 ปี) โดยบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้กับกรมสรรพากร เนื่องจากไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานทางภาษีโดยยังคิดค่าเสื่อมราคาทางภาษีในอัตราเดิมที่ร้อยละ 5 ของต้นทุนเดิม 10 ล้านบาทหรือ 500,000 บาทต่อปี นั้น บริษัทฯ มีสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวได้ โดยระยะเวลาในการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางบัญชีและทางภาษีอากร แตกต่างกันไปตามนโยบายบัญชีของบริษัทฯ ดังกล่าว

    (1) บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่แจ้งต้องเปลี่ยนอัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางภาษีให้สอดคล้องกับทางบัญชีตามข้อ 2 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.3/2527 แต่อย่างใด เพราะบริษัทฯ ได้เลือกใช้อัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตรา 5% ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 แล้ว

    (2) กรณีตามข้อเท็จริงข้างต้น กับแนวคำตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0702/3266 ลงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 นั้น เป็นกรณีที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ตามข้อเท็จจริง วิธีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางบัญชีกับทางภาษีแตกต่างกันในตอนเริ่มต้นใช้ทรัพย์สิน แต่ตามแนวคำตอบข้อหารือ วิธีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทางบัญชีกับทางภาษีเป็นวิธีการเดียวกันในตอนเริ่มต้นใช้ทรัพย์สิน

    ดังนั้น กรณีตามข้อเท็จจริงข้างต้นบริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องแจ้งขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรเพื่อขอเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา แต่อย่างใด เพียงแต่

    (1) บริษัทฯ ต้องเปิดเผยวิธีการคำนวณค่าสีกหรอและค่าเสื่อมราคาไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน

    (2) บริษัทฯ พึงต้องมีกระดาษทำการแสดงรายละเอียดในการคำนวณหักสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทั้งในทางบัญชีและทางภาษีอากร ตลอดอายุการใช้งาน พร้อมให้เจ้าพนักงานประเมินทำการตรวจสอบได้ทันที  

    เป็นกรณีที่ไม่มีความเสี่ยงทางภาษีอากรที่มีผลกับเบี้ยปรับเงินเพิ่มทางกฏหมายเมื่อเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจพบ แต่อย่างใด

 

3. เนื่องจากค่าเสื่อมราคาทางภาษีสำหรับปี 2565 สูงกว่าทางบัญชีอยู่ 100,000 บาท (ภาษี 500,000 - บัญชี 400,000) บริษัทสามารถนำยอด 100,000 บาทไปหักออกจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ ตลอดไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"


เลขที่หนังสือ

: กค 0702/3266

วันที่

: 17 เมษายน 2556

เรื่อง

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการหักค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักร

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65 ทวิ (2) ประกอบมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145)

ข้อหารือ

บริษัทลูกค้าของสำนักงานงานนำเครื่องจักรมาใช้ในโรงงานตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2549 ซึ่งบริษัทลูกค้าได้คำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรในทางบัญชีและภาษีในอัตราร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุน ต่อมาในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี 2551 วิศวกรเครื่องจักรได้ประเมินอายุการใช้งานของเครื่องจักรว่า ควรมีอายุการใช้งานถึง 10 ปี บริษัทลูกค้าจึงต้องเปลี่ยนอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในทางบัญชีเสียใหม่เป็นอัตราร้อยละ 10 เพื่อให้สอดคล้อง กับสภาพการใช้งานของเครื่องจักรสำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2551 และรอบระยะเวลาบัญชีปีต่อไป แต่ในทางภาษี บริษัทลูกค้ายังคงใช้วิธีคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรอัตราร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุนเหมือนเดิม บริษัทลูกค้าจะใช้วิธีคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรในอัตราร้อยละ 10 ในทางบัญชีโดยไม่ต้องขออนุมัติอธิบดีกรมสรรพากรได้หรือไม่

แนววินิจฉัย

กรณีการคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรดังกล่าว ในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้เลือกใช้วิธีการทางบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตราที่จะหักอย่างใดแล้ว ให้ใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น ตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ดังนั้น เมื่อบริษัทลูกค้าได้เลือกใช้วิธีคำนวณค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรในอัตราร้อยละ 20 บริษัทลูกค้าจึงต้องใช้วิธีการทางบัญชีและอัตรานั้นตลอดไป อย่างไรก็ดี หากบริษัทลูกค้ามีความประสงค์จะเปลี่ยนอัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากอัตราร้อยละ 20 เป็นอัตราร้อยละ 10 ก็กระทำได้โดยยื่นคำขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรและเมื่อได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงจากอธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้ที่อธิบดีกรมสรรพากรมอบหมายแล้วให้ถือปฏิบัติตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับอนุมัตินั้น

เลขตู้

: 76/38558


หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ