Case study

ซื้อโน๊ตบุ๊คจากต่างประเทศ นำเข้าโดยไม่ผ่านพิธิการกรมศุลกากร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง


เรื่อง ซื้อโน๊ตบุ๊คจากต่างประเทศ นำเข้าโดยไม่ผ่านพิธิการกรมศุลกากร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
แหล่งที่มา Case study
วันที่ 02/07/2024
ประเภทภาษี ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ข้อกฎหมาย
คำถาม

บริษัทฯ ได้มีการซื้อโน๊ตบุ๊ค จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทแม่ได้ส่งใบแจ้งหนี้เพื่อเรียกเก็บค่าโน๊ตบุ๊ค (ใบแจ้งหนี้ออกโดยบริษัทแม่) โดยฝากโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มากับพนักงานขายซึ่งไป Business Trip ที่บริษัทแม่ ได้นำกลับมาประเทศไทยโดยไม่ผ่านพิธีการกรมศุลกากร ซึ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ติดตั้งซอฟแวร์พื้นฐาน เช่น microsoft office (word, excel, outlook), Adobe มาเรียบร้อยแล้ว จึงอยากสอบถามดังนี้

1. มีเอกสารใบแจ้งหนี้จากบริษัทแม่ เท่านี้เพียงพอ และ ถูกต้องมั้ยค่ะ

2. มีความเสี่ยงต่อหน่วยงานไหนบ้าง เช่น กรมศุลกาการ, กรมสรรพากร และ มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง

3. ภาษีที่ต้องนำส่งมีอะไรบ้าง

4. ขอคำแนะนำ และ ข้อควรระวังเพิ่มเติมด้วยค่ะ

คำตอบ

ตอบ

  1. มีเอกสารใบแจ้งหนี้จากบริษัทแม่  
    1. เพียงพอค่ะ 
    2. แต่ไม่ถูกต้อง   เนื่องจากยังไม่ได้ชำระภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน
  2. มีความเสี่ยง
    1. กรมศุลลกากร  >> ไม่ได้ชำระอากรขาเข้า  ชำระอากรเพิ่มเติม พร้อมเงินเพิ่ม
    2. กรมสรรพากร >> ไม่ได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อนำเข้า   พร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม
  3. ภาษีที่ต้องนำส่งมีอะไรบ้าง 
    1. กรมศุลลกากร  >>  อากรขาเข้า
    2. กรมสรรพากร >>  ภาษีมูลค่าเพิ่ม 
  4. คำแนะนำ และข้อระวังเพิ่มเติม  
    1. ควรนำใบแจ้งหนี้ ไปติดต่อศุลกากร เพื่อขอเสียภาษีและอากรเพิ่มเติม 
    2. ข้อควรระวัง ถ้าไม่ไปติดต่อเสียภาษีอากรให้ถูกต้อง มีความเสี่ยงที่จะ ถูกประเมินย้อนหลัง
    3. การบันทึกบัญชี สินทรัพย์ของบริษัท สามารถบันทึกได้ตามมูลค่าของสินทรัพย์ที่ชำระ ตามมาตรา 65 ทวิ(3)  และคำนวณค่าเสื่อมราคา ตาม พ.ร.ฎ.145
    4. อย่างไรก็ตาม  ราคาซื้อสินทรัพย์ต้องไม่สูงเกินควร ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงตามมาตรา 65 ตรี(9) และ (15)



มาตรา 65 ทวิการคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิในส่วนนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

        (3) ราคาทรัพย์สินอื่นนอกจาก (6) ให้ถือตามราคาที่พึงซื้อทรัพย์สินนั้นได้ตามปกติและในกรณีที่มีการตีราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ห้ามมิให้นำราคาที่ตีราคาเพิ่มขึ้นมารวมคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ ส่วนทรัพย์สินรายการใดมีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาก็ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราเดิมที่ใช้อยู่ก่อนตีราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยให้หักเพียงเท่าที่ระยะเวลา และมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่สำหรับทรัพย์สินนั้นเท่านั้น



มาตรา 65 ตรีรายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

 (9) รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่น เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถจะลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีใด ก็อาจลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถัดไปได้

 (15) ค่าซื้อทรัพย์สินและรายจ่ายเกี่ยวกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินในส่วนที่เกินปกติโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร



เรื่อง

การออกใบเพิ่มหนี้ที่ลูกค้ายังไม่ได้ชำระค่าบริการ และการบันทึกต้นทุนสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการ

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 11/02/2021 - วันที่ตอบ 21/03/2021

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 82/9 และมาตรา 86/9 แห่งประมวลรัษฎากร

ปุจฉา

เรียนถามอาจารย์ค่ะ

     1. ปกติกิจการออกใบแจ้งหนี้ค่าบริการให้กับลูกค้า โดยเลือกใช้เกณฑ์เงินสด จะออกใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี เมื่อได้รับเงิน เดือนถัดมาได้มีการออกใบเพิ่มหนี้โดยอ้างถึงใบกำกับของเดือนที่ผ่านมาแต่ลูกค้ายังไม่ได้ชำระเงินตามใบเพิ่มหนี้อยากทราบว่า
 
       บริษัทต้องนำใบเพิ่มหนี้นั้นไปแสดงในรายงานภาษีขายนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนได้รับเงินหรือไม่หรือรอจนกว่าจะได้รับเงิน แล้วค่อยออกใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีอีกครั้ง (6/11/20 เวลา 21:21 น.)

     2. กรณีซื้อสินค้าจากต่างประเทศมีหลักฐานการจ่ายเงินค่าสินค้าแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร แต่บริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่ได้มาแบบเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วบริษัทฯ สามารถใช้หลักฐานการชำระเงินบันทึกเป็นเป็นต้นซื้อสินค้าได้หรือไม่คะ

วิสัชนา

     1. กรณีได้มีการออกใบเพิ่มหนี้โดยอ้างถึงใบกำกับภาษีของเดือนที่ผ่านมา แต่ลูกค้ายังไม่ได้ชำระเงินตามใบเพิ่มหนี้ เช่นนี้ บริษัทฯ ต้องนำใบเพิ่มหนี้นั้นไปแสดงในรายงานภาษีขายนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มก่อนได้รับเงิน เพราะความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อได้ออกใบเพิ่มหนี้ หากบริษัทฯ ไม่ประสงค์จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ เพียงแต่ออกใบแจ้งหนี้ส่วนเพิ่ม ที่ยังไม่ใช่ใบเพิ่มหนี้ ตามมาตรา 82/9 และมาตรา 86/9 แห่งประมวลรัษฎากร และออกใบกำกับภาษีเมื่อได้รับชำระเงิน

    2. กรณีซื้อสินค้าจากต่างประเทศมีหลักฐานการจ่ายเงินค่าสินค้าแต่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร แต่บริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่ได้มาแบบเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว บริษัทฯ สามารถใช้หลักฐานการชำระเงินบันทึกเป็นเป็นต้นซื้อสินค้าได้ แต่ความรับผิดในการเสียภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่นำเข้า ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่ยังไม่ปฏบัติให้ถูกต้อง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์ "


เรื่อง

การนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่นำเข้ามาโดยไม่ได้ผ่านพิธีการกรมศุลกากร

แหล่งที่มา

Facebook อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์

วันที่

วันที่ถาม 25/02/2020 - วันที่ตอบ 25/03/2020

ประเภทภาษี

ภาษีเงินได้นิติบุคคล,ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อกฎหมาย

มาตรา 85/3,มาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร,คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.104/2544

ปุจฉา

สวัสดีค่ะอาจารย์ มีเรื่องจะรบกวนท่านหน่อยค่ะ คือ ที่บริษัทฯ ได้มีการนำเข้าสินค้าเหล็กจากญี่ปุ่นมาขาย และมีการหิ้วเข้ามาเอง 1 ชิ้น โดยไม่ได้ผ่านกรมศุลฯ มูลค่าสินค้าคิดเป็นไทยแล้ว = 197 บาท ซึ่งตอนที่ทำจ่ายให้เจ้าหนี้ตปท. มีใบขนแนบถูกต้องจำนวนเงินในใบขนกับ invoice ไม่ตรงกัน เรียนสอบถามอาจารย์ค่ะว่าควรจะยื่น ภ.พ.36 หรือไม่คะ
 รบกวนท่านอาจารย์ตอบกลับใน inbox นะคะ

วิสัชนา

การนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
 “มาตรา 83/6 เมื่อมีการชำระราคาสินค้า หรือราคาค่าบริการให้กับผู้ประกอบการดังต่อไปนี้ ให้ผู้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการมีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษี
      (1) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3
      (2) ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
  (ดู คำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.104/2544 ประกอบ)
      (3) ผู้ประกอบการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
 ให้นำมาตรา 83/5 วรรคสอง มาใช้บังคับ”
      กรณีบริษัทฯ นำเข้าสินค้าโดย Hand carry จำนวน 1 ชิ้นมูลค่า 197 บาท นั้น ไม่เข้าลักษณะที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 85/3 แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6 แห่งประมวลรัษฎากร แต่ต้องระลึกว่าบริษัทฯ ยังคงปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การนำเข้าสินค้า


ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์ ที่อนุญาตให้นำความรู้ดีๆมาเเบ่งปันใน Website Tax-EZ ค่ะ

คลิ๊กที่นี่ เพื่อติดตาม FB เพจ "อาจารย์ สุเทพ พงษ์พิทักษ์"




หมายเหตุ: TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น  กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง

หมายเหตุ : TAX CASE STUDY จาก Tax-EZ Website เป็นเพียงเคสตัวอย่างเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้อ้างอิง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่ดีขึ้น ข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
ยอมรับ